posttoday

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

13 พฤษภาคม 2568

สรุปไทม์ไลน์ 46 วันหลังเหตุแผ่นดินไหวถล่มกรุง (28 มีนาคม 68) บทเรียนราคาแพงฟาดโครงการอาคารใหม่กว่าสามพันล้านของ สตง.พลิกฟ้าชั่วข้ามคืนกับปรากฎการณ์ "น้ำลดตอผุด" และในโครงการรัฐอีกหลายสิบโครงการ!

ภาพรวมเมื่อแผ่นดินไหวถล่มกรุงช็อกประเทศไทย

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.20 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.4–7.7 แมกนิจูด มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ใกล้เขตชายแดนไทย-เมียนมา อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยห่างจากมัณฑะเลย์ประมาณ 320–326 กิโลเมตร

 

แรงสั่นสะเทือนข้ามพรมแดนเข้าถึงหลายจังหวัดในภาคเหนือและกลางของประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่ได้รับผลกระทบหนัก อาคารสูงเกิดรอยร้าวหลายแห่ง และในเวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อมา อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เขตจตุจักร ได้พังถล่มลงมาอย่างรุนแรง

 

ตัวอาคารสูง 137 เมตร ถล่มลงในลักษณะ "แพนเค้ก" — ชั้นต่อชั้นยุบลงมาทับกันทันที มีผู้ติดค้างจำนวนมาก ภาพที่ปรากฏเป็นซากคอนกรีตสูงเกือบ 30 เมตร ปกคลุมด้วยฝุ่น เศษเหล็ก และเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่เงียบลงทีละน้อย

 

เหตุการณ์นี้กลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของกรุงเทพมหานครในรอบหลายสิบปี

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

สรุปยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ:

  • เสียชีวิต ยืนยันแล้ว 89 ราย
  • บาดเจ็บสาหัสกว่า 130 ราย
  • ยังสูญหายอีก 7 ราย (ณ วันที่ 12 พ.ค.)
  • ชิ้นส่วนมนุษย์ที่รอการพิสูจน์ DNA กว่า 200 ชิ้น

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

เบื้องหลังโศกนาฏกรรม: การทุจริตที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นรัฐ

หลังเหตุถล่ม กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดโปงโครงการก่อสร้างที่มีการทุจริตซุกซ่อนอยู่ ในนามของ “โครงการพัฒนาอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สตง.” ซึ่งใช้งบประมาณถึง 3,200 ล้านบาท โดยมีการตรวจสอบพบว่า

 

  • มีการใช้วัสดุก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
  • แบบก่อสร้างถูกดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุมัติ
  • ผู้รับเหมารับช่วงต่อหลายทอด (มีนอมินี)
  • การควบคุมคุณภาพงานไม่มีการกำกับจริง

 

ไม่เพียงเท่านั้น การตรวจสอบยังเชื่อมโยงไปถึงอีก กว่า 30 โครงการ ของหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ที่มีลักษณะทุจริตคล้ายกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนของ ป.ป.ช. และ ปปง.

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

ย้อนไทม์ไลน์: 45 วันแห่งความหวัง การค้นหา และคำตอบ

วันที่ 28 มีนาคม 2568 (วันเกิดเหตุ)

  • 13.20 น.: เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.4–7.7 แมกนิจูด ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา
  • 13.24 น.: กรมอุตุนิยมวิทยาไทยแจ้งเตือนแรงสั่นสะเทือนในภาคเหนือ–กลาง
  • 13.45 น.: หลายอาคารสูงในกรุงเทพฯ อพยพผู้คนหลังเกิดแรงสั่นสะเทือน
  • 13.53 น.: อาคาร สตง. (ถนนกำแพงเพชร เขตจตุจักร) ถล่มขณะยังมีเจ้าหน้าที่ทำงานภายใน
  • 14.10 น.: เจ้าหน้าที่กู้ภัย หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เริ่มเข้าพื้นที่ในขั้นต้น

 

วันที่ 29 มีนาคม 2568

  • เร่งสำรวจพื้นที่ เสริมกำลังทีม Urban Search & Rescue (USAR)
  • เริ่มต้นการค้นหาเชิงลึกโดยใช้กล้องจับความร้อนและสุนัข K9

 

วันที่ 30 มีนาคม – 2 เมษายน 2568 (72 ชั่วโมง)

  • พบผู้รอดชีวิตทั้งหมด 23 ราย
  • กู้ชีวิตจากบริเวณบันไดหนีไฟและช่องลิฟต์
  • หลังวันที่ 2 เมษายน ไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม

 

วันที่ 3–14 เมษายน 2568 (สัปดาห์ที่ 2–3)

  • เริ่มค้นหาชิ้นส่วนมนุษย์ที่กระจายตามซากอาคาร
  • เก็บกู้ชิ้นส่วนได้มากกว่า 200 ชิ้น ส่งตรวจ DNA กับฐานข้อมูลญาติผู้สูญหาย
  • ยืนยันผู้เสียชีวิตที่ประกอบร่างสมบูรณ์ได้ 89 ราย

 

วันที่ 15–30 เมษายน 2568 (สัปดาห์ที่ 4–5)

  • ย้ายซากวัสดุไปยังพื้นที่พักเศษวัสดุหลังศาลเยาวชนฯ เขตจตุจักร
  • ตรวจสอบความปลอดภัยของกองซาก วางแผนปรับความสูงไม่ให้เกิน 6 เมตร
  • สุนัข K9 เข้าตรวจสอบซากวัสดุทุกเช้า–เย็น

 

วันที่ 10 พฤษภาคม 2568

  • พบชิ้นส่วนมนุษย์ที่ตรงกับผู้สูญหายรายสุดท้ายบริเวณโครงสร้างบันได

 

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568

  • ประกาศ ปิดภารกิจค้นหาและกู้ภัยอย่างเป็นทางการ หลังครบ 45 วัน
  • ส่งมอบพื้นที่ให้ตำรวจดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
  • เขตจตุจักรและ กทม. ยังคงกล้องวงจรปิดและล้อมรั้วไว้เพื่อรักษาวัตถุพยาน
  • ผลการพิสูจน์ DNA เพื่อระบุตัวตนชิ้นส่วนมนุษย์ยังดำเนินต่อโดยนิติวิทยาศาสตร์

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

บทบาทของทีม K9 คู่หูผู้ไม่ละทิ้งความหวัง

ศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก ได้ระดมสุนัขดมกลิ่น K9 จากทั่วประเทศ ซึ่งมีการฝึกฝนเฉพาะด้านในการค้นหาศพและกลิ่นมนุษย์ในซากปรักหักพังโดยเฉพาะ โดยมีการลงพื้นที่ค้นหาทุกวันตั้งแต่วันแรกที่มีการเคลื่อนย้ายเศษซากดินและวัสดุก่อสร้างออกจากอาคาร

 

“แม้จะไม่พบชิ้นส่วนใหม่ แต่ภารกิจของพวกเราคือการเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัยที่สุด” เจ้าหน้าที่ฝึกสุนัขทหาร กล่าว

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

ข้อเท็จจริงที่ควรทราบ

  • อาคาร สตง. ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างเมื่อปี 2562

โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่สูง 33 ชั้น บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ 3 งาน ด้วยงบประมาณ 2,560 ล้านบาท มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2569 มีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้:

ผู้ดำเนินงานโครงการ

  • ผู้ออกแบบ: กลุ่มร่วมค้า บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีการลงนามสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2561
  • ผู้ควบคุมงาน: กิจการร่วมค้า PKW ประกอบด้วย บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด, บริษัท ว. และสหายคอลซัลแตนตส์ จำกัด, และบริษัท เคพี คอนชัลแทนส์ จำกัด ลงนามสัญญาเมื่อ 14 มกราคม 2564
  • ผู้รับจ้างก่อสร้าง: กิจการร่วมค้า ITD-CREC ซึ่งประกอบด้วย

- บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD)

- บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด (CREC No.10)

มีการลงนามสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 และข้อตกลงคุณธรรมป้องกันการทุจริตเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2564

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

ประเด็นข้อกังขาเกี่ยวกับผู้รับจ้าง

หนึ่งในผู้รับเหมาหลักของโครงการคือ บริษัท CREC No.10 (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจจีน China Railway Group Limited (CREC) ที่มีประวัติด้านลบจากโครงการต่างประเทศ เช่น:

- โครงการสะพานซิกิริ และ สะพานมิตรภาพจีน-เคนยา ถล่มระหว่างการก่อสร้างในปี 2560

- คดีทุจริตและฮั้วประมูลในเปรู ที่ส่งผลให้ถูกระงับโครงการในปี 2566

- CREC และบริษัทในเครือถูก ธนาคารโลกขึ้นบัญชีดำ ในปี 2562

 

แม้มีประวัติเสื่อมเสียในระดับนานาชาติ บริษัท CREC No.10 ยังคงได้รับงานจำนวนมากจากภาครัฐไทย โดยเฉพาะในช่วงปี 2562-2570 รวม 29 สัญญา ผ่านกิจการร่วมค้าและบริษัทในเครือจำนวน 11 กลุ่ม

 

ตัวอย่างโครงการสำคัญที่เกี่ยวข้อง

- โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย (ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยลงนามในสัญญากับ ITD และ CREC No.10 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566

 

และโครงการก่อสร้างทั่วประเทศ เช่น

- อาคารหอพักบุคลากรทางการแพทย์ จ.เชียงราย

- ศูนย์ราชการจังหวัดแพร่ ต.น้ำชำ

- อาคารที่พักผู้โดยสาร ท่าอากาศยานนราธิวาส

- อาคารศูนย์ฝึกกีฬามวย สนามกีฬาหัวหมาก

- สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จ.นนทบุรี

และโครงการถนนหลวงหลายสาย

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

สรุป
แม้จะมีประวัติปัญหาด้านคุณภาพงานและความโปร่งใสในต่างประเทศ บริษัท CREC No.10 และเครือ CREC ยังคงได้รับโครงการสำคัญหลายแห่งในประเทศไทย โดยเฉพาะในรูปแบบกิจการร่วมค้า ซึ่งเป็นประเด็นที่ควรจับตามองเกี่ยวกับมาตรฐานการคัดเลือกผู้รับเหมาและการตรวจสอบการทำงานในภาครัฐไทย

  • ในส่วนของอาคาร สตง.มีการร้องเรียนเรื่องรอยแตกร้าวและโครงสร้างสั่นไหวตั้งแต่ปี 2566 แต่ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบ
  • ป.ป.ช. เตรียมขยายผลตรวจสอบการก่อสร้างอาคารรัฐทั่วประเทศที่อยู่ในเกณฑ์ความเสี่ยง

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

บทเรียนจากซากปรักหักพัง เมื่อรัฐพังจากภายใน

ภารกิจกู้ซาก สตง. ไม่ใช่แค่การเก็บกู้ชิ้นส่วนมนุษย์ แต่มันคือการกู้คืนศรัทธาของประชาชนที่ถูกกดทับด้วยซากแห่งการทุจริต ความละเลย และระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ

คำถามที่ยังคงอยู่:

  • ใครจะรับผิดชอบ?
  • องค์กรใดคือผู้ตรวจสอบการก่อสร้าง?
  • ทำไมไม่มีการหยุดยั้งตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ?

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

เมื่อฝุ่นซากตึกจางลง บางทีเสียงของผู้สูญเสียและผู้จากไปอาจดังกว่าที่เคยเป็นมา เพราะในความเงียบหลังภัยพิบัติ คือเสียงเรียกร้องให้ “ความจริง” ปรากฏ

 

 

หมายเหตุ: รายงานนี้อิงจากการแถลงข่าววันที่ 12 พ.ค. 68, ข้อมูลภาคสนามจาก กทม., หน่วยกู้ภัย, ศูนย์สุนัขทหาร และข้อมูลสืบสวนเบื้องต้นจาก ป.ป.ช. และ ป.ป.ง.

 

รวบรวมความเห็นและคำกล่าวของผู้เกี่ยวข้องในการปฎิบัติภารกิจกู้ซากตึก 45 วัน

 

นายภุชพงศ์ สัญญโชติ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3 กล่าวว่า ภาพรวมการปฏิบัติงานกู้ภัย เราจะมีการเก็บข้อมูลของผู้สูญหายจากการสอบปากคำญาติและผู้เกี่ยวข้องและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ

 

เมื่อวิเคราะห์แล้วเราจึงพุ่งเป้าการค้นหาไปที่ช่วงบันไดที่คาดว่าจะมีผู้สูญหายรวมกันอยู่เยอะที่สุด แต่เป็นเรื่องยากที่จะมีผู้รอดชีวิตเพราะการถล่มของตัวอาคารทับซ้อนกันเป็นชั้นแพนเค้กทำให้มีช่องว่างน้อยมากซึ่งยืนยันได้จากการกู้ซากค้นหาตลอดเวลาที่ผ่านมา

 

ความท้าทายที่ยากยิ่งกว่านั้นคือการนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากซากอาคาร เนื่องจากความสูงของอาคารในวันเกิดเหตุสูงถึง 137 เมตร หลังการถล่มกลายเป็นกองซากอัดแน่นเหลือ 26.8 เมตร เป็นงานที่ยากมากในการค้นหาแต่เราก็พยายามเต็มที่ และพบร่างผู้เสียชีวิตมากที่สุดที่เราประกอบเป็นร่างได้ 89 ร่าง ซึ่งยังคงสูญหาย ณ ตอนนี้ 7 ราย จากนี้เป็นกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ที่จะพิสูจน์ชิ้นส่วนกว่า 200 ชิ้นที่เก็บกู้ได้เพื่อยืนยันจำนวนผู้สูญหายต่อไป

 

นายภุชพงศ์ กล่าวอีกว่า สุดท้าย เมื่อเรานำร่างผู้สูญหายออกจากอาคาร จะมีการขนวัสดุต่าง ๆ มารวมกันที่จุดทิ้งกองซากอาคารซึ่งตอนนี้สูงราว 8 เมตร แต่จะลดลงให้ได้เหลือ 6 เมตร เนื่องจากป้องกันดินสไลด์รอบ ๆ พื้นที่ เป็นการคำนึงถึงผลกระทบสภาพแวดล้อมรอบงาน โดยระหว่างนี้จะมีการตรวจสอบโดยสุนัข K9 และทีมกู้ภ้ยทุกวันในตอนเช้าและเย็น ดำเนินการค้นหาชิ้นส่วนผู้สูญหายเพื่อนำไปตรวจสอบเทียบ DNA กับญาติที่ได้ตรวจเป็นข้อมูลไว้แล้ว วันนี้ก็ได้นำสื่อมวลชนมาดูกระบวนการทำงานของทีมในพื้นที่เก็บซากอาคารให้เห็นภาพความละเอียดในการทำงานของเรา

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

“นี่ไม่ใช่แค่การกู้ซากอาคาร แต่คือการกู้ศรัทธาในระบบราชการไทย ว่าพวกเรายังยืนอยู่เคียงข้างประชาชนในวันที่เขาอ่อนแอที่สุด”

(คำพูดนี้กลายเป็นไวรัลในหลายช่องทาง และถูกมองว่าเป็น “เสียงสะท้อนความจริง” ของสังคมหลังเกิดโศกนาฏกรรม)

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

“ภารกิจนี้ไม่มีใครยอมแพ้ ไม่ใช่เพราะมันง่าย… แต่เพราะมีคนที่เรายังตอบเขาไม่ได้ว่า คนที่เขารักอยู่ไหน”

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร

“ตลอด 45 วันของการปฏิบัติงาน เราเห็นถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หน่วยกู้ภัย และอาสาสมัคร เราไม่เคยลดความพยายามแม้จะยากลำบาก ความหวังในการค้นหาผู้สูญหายยังคงอยู่จนถึงวินาทีสุดท้าย”

 

“เราไม่เคยลดระดับความพยายาม ไม่ว่าความหวังจะน้อยแค่ไหน เพราะสำหรับญาติผู้สูญหาย…แม้เพียงกระดูกชิ้นเดียวก็ยังมีความหมาย”

 

เจ้าหน้าที่เทคนิคการฝึก ศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก

“K9 ทุกตัวต้องมีสมาธิและอิสระในการค้นหา ตั้งแต่วันแรกที่มีการนำดินและซากอาคารมาที่นี่ พวกเราตรวจสอบทั้งเช้าและเย็น ไม่มีใครอยากพลาดแม้แต่ชิ้นส่วนเดียว ทุกกลิ่นคือเบาะแส ทุกเศษเล็กชิ้นน้อยคือความหวังของญาติผู้สูญหาย”

 

“แม้จะไม่พบชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่มเติมมาหลายวันแล้ว แต่เรายังต้องทำงานต่อไปจนภารกิจสิ้นสุด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครถูกหลงลืมในกองซากนั้น”

 

เจ้าหน้าที่โยธา กรุงเทพมหานคร (ไม่เปิดเผยชื่อ)

“วัสดุที่นำมากองรวมไว้ ยังถือเป็นพยานหลักฐานทางคดี เราจึงต้องล้อมรั้วและควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด รวมถึงกล้องวงจรปิดของ กทม. ที่ยังเปิดใช้งานเพื่อเก็บภาพทุกความเคลื่อนไหวในจุดเก็บซาก พรุ่งนี้จะมีการประชุมสรุปว่าจะเก็บกล้องไว้จุดใดบ้างหลังส่งมอบพื้นที่ให้ตำรวจ”

 

นายภุชพงศ์ สัญญโชติ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการดับเพลิงและกู้ภัย 3

“เราไม่ได้มองว่าชิ้นส่วนที่พบเป็นแค่ชิ้นส่วนมนุษย์ แต่มันคือ ‘ใครสักคน’ ที่เคยมีชีวิต มีครอบครัว มีความฝัน… และกำลังรอการกลับบ้าน”

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

 

เจ้าหน้าที่ K9 จากกรมการสัตว์ทหารบก (ไม่เปิดเผยชื่อ)

“สุนัขไม่พูด แต่มันฟังทุกอย่างด้วยหัวใจ เราแค่ขอให้มันช่วยพาใครสักคนกลับบ้าน แม้จะเป็นเพียงเศษกระดูกที่ยังหาไม่เจอ”

 

ญาติผู้สูญหาย (หญิงวัย 60 ปี) (ให้สัมภาษณ์ในวันครบรอบ 30 วัน)

“ลูกฉันอาจไม่กลับมาแบบที่เคย แต่ขอแค่ให้แม่ได้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน… จะได้เฝ้าได้อธิษฐาน ไม่ใช่ฝันร้ายทุกคืนแบบนี้”

 

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

46 วันปฏิบัติการกู้ซาก “ตึก สตง.” จากโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหว สู่บทเรียนรัฐไทย

ข่าวล่าสุด

ถอดพฤติกรรมการเงินคนไทย 4 เจเนอเรชัน จาก Gen Z ถึง Baby Boomer