รฟท. จ่อปรับแบบสถานีอยุธยา หลังผู้เชี่ยวชาญนานาชาติลงพื้นที่

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ รฟท. เปิดเผยว่า ผลการลงพื้นที่ของ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์นานาชาติเพื่อการศึกษาการสงวนรักษาและการบูรณะมรดกทางวัฒนธรรม (ICCROM) และผู้เชี่ยวชาญจากสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS)  เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังประเด็นร้อนเรื่องแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนที่ต้องผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พื้นที่มรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยผู้เชี่ยวชาญจาก ICCROM และ ICOMOS ยืนยันว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวเส้นทางได้ แต่มีข้อเสนอสำคัญให้ปรับการออกแบบสถานีและโครงสร้าง ผู้เชี่ยวชาญได้มีข้อสรุปสำคัญ 3 ประการ:

 

1.ยืนยันว่าไม่สามารถเปลี่ยนแนวเส้นทางรถไฟ ที่ผ่านจังหวัดอยุธยาได้

2.จำเป็นต้องปรับลดความสูงของสถานีและรางรถไฟ เพื่อไม่ให้มองเห็นได้จากภายในพื้นที่มรดกโลก

3.ต้องบูรณาการการพัฒนาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งด้านการท่องเที่ยว การวางผังเมือง และการจัดการนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น

 

"เราต้องคำนึงถึงทัศนียภาพของเมืองมรดกโลกเป็นสำคัญ" ผู้เชี่ยวชาญระบุในรายงาน พร้อมเสนอให้ออกแบบอาคารสถานีให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์โดยรอบ และฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวโดยการปลูกต้นไม้ทดแทนส่วนที่ต้องรื้อถอนจากการก่อสร้าง

 

การเดินหน้าโครงการที่กระทบมรดกโลก

 

นายวีริศยืนยันว่า รฟท. ได้ปรับรูปแบบตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว และพร้อมร่วมมือกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อสร้างความเข้าใจในระดับนานาชาติ

 

"โครงการรถไฟความเร็วสูงต้องเดินหน้าไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อมรดกทางวัฒนธรรม" นายวีริศกล่าว "เป้าหมายของเราคือการยกระดับระบบขนส่งของไทย เชื่อมโยงเมืองหลักกับภูมิภาค เสริมศักยภาพการแข่งขัน และกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว"

 

ความท้าทายระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์

 

โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญของประเทศไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ต้องผ่านพื้นที่อ่อนไหวทางวัฒนธรรม ซึ่งการออกแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อมรดกโลกจะเป็นต้นแบบสำหรับโครงการพัฒนาในอนาคต ซึ่งกรณีนี้จะเป็นบททดสอบความสามารถของไทยในการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม ที่จะถูกจับตามองจากองค์การยูเนสโกและประชาคมโลก