เจาะความคืบหน้า "ท่าเรือแหลมฉบัง" หนุน EEC สู่เมืองอัจฉริยะ
เจาะลึกความคืบหน้า "ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3" โปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานยักษ์ หนุน EEC สู่ เมืองอัจฉริยะ และวิสัยทัศน์ สมาร์ทซิตี้ประเทศไทย
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ณ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
ในการวางรากฐานรองรับการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่ให้เป็น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ต้นแบบของประเทศไทย
การลงพื้นที่ครั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมได้หารือร่วมกับฝ่ายบริหารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ถึงแนวทางต่างๆ เพื่อผลักดันโครงการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเร่งรัดการก่อสร้างให้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้
โครงการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 นี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการเมืองอัจฉริยะ ในพื้นที่ EEC ที่สำคัญยิ่ง เพราะถูกมองว่าเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และยังช่วยเสริมศักยภาพในการรองรับปริมาณสินค้าทางทะเล
โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความลึกร่องน้ำและขนาดเรือที่รองรับได้
โดยปัจจุบัน ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 สามารถรองรับตู้สินค้าได้กว่า 11 ล้านทีอียู
ขณะที่ท่าเรือกรุงเทพรองรับได้ 1.34 ล้านทีอียูต่อปี การขยายขีดความสามารถจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต สอดคล้องกับนโยบายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ที่ต้องการให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นหลักการสำคัญในการพัฒนา สมาร์ทซิตี้ประเทศไทย ในภาพรวม
ความคืบหน้าท่าเรือแหลมฉบัง สู่เมืองอัจฉริยะ
จากการรายงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ความคืบหน้าของโครงการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 สู่ สมาร์ทซิตี้ประเทศไทย มีรายละเอียดดังนี้:
- งานก่อสร้างงานทางทะเล (ส่วนที่ 1): รับผิดชอบโดยกิจการร่วมค้า CNNC มีความคืบหน้า ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 67.48% การดำเนินงานในส่วนนี้อยู่ภายใต้การติดตามและตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความโปร่งใสของกระบวนการทั้งหมด
- พื้นที่ท่าเรือชายฝั่ง F1: ล่าสุดได้เข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมส่งมอบพื้นที่ท่าเทียบเรือให้กับบริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด (GPC) ภายในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568
- งานก่อสร้างส่วนที่ 2 (อาคาร ท่าเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค): รับผิดชอบโดยบริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด เริ่มงานก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2567 ปัจจุบันความก้าวหน้าอยู่ที่ 0.47% โดยเริ่มดำเนินการในส่วนของงานสะพานยกระดับ และมีแผนเร่งเดินหน้างานก่อสร้างในส่วนอื่นๆ ต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด
- งานก่อสร้างที่ 3 (ระบบรถไฟ) และ งานก่อสร้างส่วนที่ 4 (จัดหาและติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์): ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการขนถ่ายสินค้าและเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์อย่างครบวงจร สนับสนุนแนวคิดการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งสำหรับ เมืองอัจฉริยะ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) และการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทบทวนเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะสามารถดำเนินการเปิดประมูลจัดซื้อจัดจ้างได้ในระยะเวลาอันใกล้
นางมนพร ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินงานทุกส่วนให้เป็นไปอย่างปลอดภัย โปร่งใส และแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือในประเทศไทยนี้ กระทรวงคมนาคมมองว่าเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นประตูเศรษฐกิจแห่งใหม่ของภูมิภาคอาเซียนได้ตามนโยบาย "คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย"
การพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จึงไม่ใช่เพียงแค่การขยายท่าเรือ แต่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ EEC ซึ่งรวมถึงการพัฒนา โครงการเมืองอัจฉริยะ ต่างๆ ในพื้นที่
และเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะช่วยผลักดันวิสัยทัศน์การเป็น สมาร์ทซิตี้ประเทศไทย ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับศักยภาพด้านโลจิสติกส์และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว


