รุกศึกษาแผนพัฒนาท่าเรือคลองเตย 520 ไร่ รับเอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ

รัฐบาลเตรียมเดินหน้าพัฒนาท่าเรือคลองเตย หนึ่งในพื้นที่ศักยภาพสูงของกรุงเทพฯ โดยล่าสุด “มนพร เจริญศรี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ ครั้งที่ 1/2568 มีมติให้ทบทวนผลการศึกษาแผนพัฒนาท่าเรือคลองเตยฉบับปี 2562 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,353 ไร่ โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่หน้าท่าและพื้นที่ริมน้ำจำนวน 520 ไร่ เพื่อวางรากฐานสู่การพัฒนาเป็นสมาร์ทพอร์ตและศูนย์พาณิชยกรรมที่ทันสมัย

 

โครงการดังกล่าวจะมีการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาอย่างละเอียดภายในเดือนพฤษภาคม 2568 และคาดว่าจะสามารถสรุปผลการศึกษาได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2569 ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2569

 

 

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า การศึกษาแผนพัฒนาท่าเรือคลองเตยในครั้งนี้จะมุ่งเน้นการทบทวนจากผลการศึกษาเดิมในเรื่องการพัฒนาท่าเรือ 520 ไร่ ให้มีประสิทธิภาพ สร้างความเจริญให้กับกรุงเทพฯ ตลอดจนการพัฒนาเป็น Cruise Terminal และพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์  เพื่อรองรับเป็นเมืองการค้าและการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ขนถ่ายสินค้าและรองรับตู้สินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

สมาร์ทพอร์ต-มิกซ์ยูส-เอ็นเตอร์เทนเมนต์: วิสัยทัศน์ใหม่ของคลองเตย

การศึกษาครั้งใหม่นี้จะพิจารณาแนวทางการพัฒนารูปแบบการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) โดยเน้นการจัดระเบียบพื้นที่จัดเรียงตู้คอนเทนเนอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ใหม่สำหรับโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า โรงแรม สนามกีฬา โรงละคร และอาจรวมถึง "เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์" หากได้รับความชัดเจนจากฝ่ายนิติบัญญัติในเรื่องข้อกฎหมาย

 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมยังกล่าวว่า ส่วนของกาสิโน ซึ่งมักเป็นจุดสนใจในโครงการลักษณะนี้ จะถูกจัดสรรพื้นที่ไว้เพียง 10% เท่านั้น ขณะที่ส่วนที่เหลือจะเปิดกว้างสำหรับกิจกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมุ่งหวังให้คลองเตยกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของกรุงเทพฯ ทั้งในด้านโลจิสติกส์ พาณิชยกรรม และการท่องเที่ยว

 

 

คลองเตย: จาก “หลังบ้านโลจิสติกส์” สู่เมืองท่าที่เชื่อมโลก

ท่าเรือคลองเตย หรือ "ท่าเรือกรุงเทพ" ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2494 โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และเคยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ก่อนที่บทบาทหลักจะค่อยๆ ลดลงตามการเติบโตของท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ปัจจุบันท่าเรือคลองเตยยังคงใช้รองรับการขนถ่ายสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งจากภายในและต่างประเทศ รวมถึงเป็นทางผ่านของระบบขนส่งเข้าสู่กรุงเทพมหานคร

 

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดด้านพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดความแออัด และปัญหาการจราจรในบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการใช้งานของรถบรรทุกขนาดใหญ่

 

เพื่อลดผลกระทบด้านจราจร ที่ประชุมจึงมอบหมายให้ กทท. ผลักดันโครงการทางเชื่อมท่าเรือคลองเตยกับทางพิเศษสายบางนา–อาจณรงค์ (S1) ซึ่งจะช่วยให้รถบรรทุกสามารถเข้าสู่พื้นที่ท่าเรือได้โดยตรง โดยล่าสุดรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้ผ่านการพิจารณาแล้ว และอยู่ระหว่างการหารือกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เรื่องการแบ่งสัดส่วนการลงทุน

 

ความท้าทาย: ชุมชนคลองเตยกว่า 15,000 ครัวเรือน

พื้นที่ท่าเรือคลองเตยยังอยู่ใกล้กับชุมชนขนาดใหญ่ที่มีประชาชนอยู่อาศัยกว่า 15,000 ครัวเรือน กระจายอยู่ใน 26 ชุมชน โดยขณะนี้ยังไม่มีแผนเข้าไปพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชุมชนโดยตรง แต่รัฐได้แสดงความชัดเจนว่า หากมีการพัฒนาใดๆ ที่กระทบต่อชุมชน จะต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างรอบด้าน

ความท้าทายนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาภายใต้กรอบของความยั่งยืนและความเป็นธรรม โดยไม่ละเลยเสียงของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง

 

สรุป

แผนพัฒนาท่าเรือคลองเตยในครั้งนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าพื้นที่เศรษฐกิจหลักของกรุงเทพฯ จากจุดถ่ายสินค้าที่แออัด ให้กลายเป็น “เมืองท่าแห่งอนาคต” ที่ผสมผสานการขนส่ง การค้า การท่องเที่ยว และความบันเทิงเข้าด้วยกัน หากดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมตามแผน คลองเตยอาจกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนในอนาคต