GUNKUL เปิดปรับโฉม มุ่งสู่พาร์ทเนอร์พลังงานสีเขียวแห่งเอเชีย

บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ GUNKUL ผู้นำด้านพลังงานสีเขียวแบบครบวงจรใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย มีเป้าหมายหลักในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม มุ่งสู่การเป็น "พาร์ตเนอร์ด้านพลังงานสีเขียว และโครงสร้างพื้นฐานแห่งภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รับการยอมรับสูงสุด"

ปัจจุบัน GUNKUL มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสีเขียวอยู่ท่า 1,479 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าให้เป็น 2,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570 โดยคาดว่าจะตั้งเป้าการเติบโตทางรายได้อยู่ที่ 10 – 15% ทุกปี ตั้งเป้ามีรายได้รวม 3 ปี มากกว่า 35,000 ล้านบาท

ทางคุณ นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ผู้ดำรงตำแหน่งประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ ได้กำหนดกลยุทธ์ ‘สมการแห่งความก้าวหน้า’ โดยมีกลยุทธ์หลักครอบคลุม 3 ด้าน

1.Build Business Muscles สร้างรากฐานทางธุรกิจให้แข็งแรงจากประสบการณ์ด้านพลังงานมานานกว่า 40 ปี มุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจหลักพร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน

2.Trim Operational Fat ปรับกระบวนการทำงานให้คล่องตัว เอื้อต่อการปฏิบัติงานและเติบโตในปัจจุบัน โดยจะนำเทคโนโลยีหลายเข้ามาบริหารจัดการ 100% พร้อมมองหาช่องทางนำ AI มาปรับใช้อย่างจริงจัง

3.Create Stakeholder Impact สร้างกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนเป็นพื้นฐาน ควบคู่ไปกับการดูแลจัดการทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสม

จาก 3 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นทางบริษัท GUNKUL พร้อมดำเนินการเพื่อสร้างการเคิบโตอย่างเป็นระบบและมั่นคง เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งในและต่างประเทศให้เป็น 2,000 เมกะวัตต์ภายใน 3 ปี พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจแบตเตอรี่และพลังงานสีเขียวชนิดใหม่ต่อไป การเติบโตนี้จะสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับล่าสุดของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเติบโคและสร้างผลกำไร

ทาง GUNKUL วางแผนขยายบริการวางโครงสร้างพื้นฐานสายไฟฟ้าแรงดันสูง 115  - 500 กิโลวัตต์ พร้อมต่อยอดไปยังธุรกิจสายส่งระบบสื่อสาร และธุรกิจผลิตพร้อมจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีแผนจะเริ่มเปิดคลาดใหม่ในกลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดันกลางและสูงเพิ่มเติมต่อไป

นอกจากทางนี้ GUNKUL ยังวางแผนอาศัยความเชี่ยวชาญทางพลังงานสีเขียว มาจัดตั้งธุรกิจใหม่อย่าง Green Data center หรือ ศูนย์ข้อมูลสีเขียว ร่วมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และสามารถได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนทั้งในและนอกประเทศได้อย่างยั่งยืน