Woven City: การปฏิวัติ ‘เซลล์เมืองอัจฉริยะ‘ ผ่านเทคโนโลยีและประวัติศาสตร์

“Woven City อาจไม่ได้สร้างรายได้ให้โตโยต้า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะในฐานะพลเมืองโลก เรามีความรับผิดชอบในการลงทุนเพื่ออนาคตร่วมกัน” - อากิโอะ โตโยดะ ประธานโตโยต้า ผู้กล่าวประโยคนี้ สะท้อนวิสัยทัศน์ของยักษ์ใหญ่ยานยนต์โลกต่อพันธกิจในอนาคตได้อย่างลึกซึ้ง

 

ความชอกช้ำของเมืองอุตสาหกรรมที่ทำร้ายโลก ทำให้การออกแบบ "เมืองแห่งอนาคต" คำนึงถึงสภาพแวดล้อมและธรรมชาติกันแบบสุดล้ำ และการใช้พลังงานคือประเด็นสำคัญที่สุดของโลกในเวลานี้

 

 

จุดเริ่มต้นของ Woven City 

เริ่มขึ้นในงาน CES 2018 เมื่อโตโยต้าประกาศเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น Mobility Company จากนั้นในงาน CES 2020 อากิโอะ โตโยดะ (Akio Toyoda) ประธาน Toyota ได้เปิดตัวโครงการ Woven City อย่างเป็นทางการ และล่าสุดในงาน CES 2025 โตโยต้าได้ประกาศความสำเร็จในการก่อสร้างเฟส 1 และวางแผนเปิดตัวเมืองต้นแบบแห่งนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2025

 

มาเริ่มกันจากชื่อ Woven City หรือ เมืองช่างทอ ชื่อนี้สะท้อนถึงจุดเริ่มต้นของโตโยต้าที่เคยเป็นผู้ผลิตเครื่องทอผ้า ความธรรมดาที่เรียบง่าย ก่อนจะเติบโตเป็นบริษัทรถยนต์ระดับโลก เมืองต้นแบบแห่งนี้จึงถูกออกแบบให้เป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีแห่งอนาคตทุกรูปแบบ โดยมุ่งเน้นการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับและนวัตกรรมล้ำสมัย ขณะเดียวกันก็รักษารากเหง้าของบริษัทและสะท้อนวิสัยทัศน์ในการก้าวสู่อนาคต

 

ในช่วงแรก Woven City จะมีผู้อยู่อาศัยกลุ่มแรกจำนวน 100 คน ซึ่งเรียกว่า “Weavers” ประกอบด้วยพนักงานของโตโยต้าและ Woven by Toyota บริษัทที่ดูแลการพัฒนาโครงการ เมืองจะค่อยๆ เติบโตขึ้นโดยรองรับผู้อยู่อาศัยเพิ่มเป็น 360 คน และในอนาคตจะสามารถรองรับประชากรได้มากถึง 2,000 คน

 

 

เพราะพัฒนาการและเป้าหมายของโตโยต้า ไม่ใช่แค่การครองตำแหน่งยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์โลก แต่คือบริษัทด้านการขับเคลื่อน (Mobility Company) ทะเยอทะยานสู่ความเป็น “เมืองต้นแบบแห่งอนาคต” ของญี่ปุ่นและของโลก

 

 

Woven City ตั้งอยู่บริเวณฐานภูเขาไฟฟูจิ สถานที่ก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ที่เคยเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ของ Toyota ในจังหวัดชิซุโอกะ ซึ่งถูกปรับเปลี่ยนเป็นเมืองต้นแบบ

 

เมืองนี้ออกแบบมาเพื่อเป็น “ห้องทดลองมีชีวิต” 

เป็นพื้นที่สำหรับการทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งอนาคต เช่น พลังงานไฮโดรเจน, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ระบบอัตโนมัติ และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เรียกว่าครบทุกเทคโนโลยีที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต

 

 

ความพิเศษของ Woven City 

Woven City ได้รับการออกแบบโดย Bjarke Ingels สถาปนิกชาวเดนมาร์ก ผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมแบบยั่งยืน ผู้มีวลีประจำตัวคือ Yes is More เขาออกแบบถนนออกเป็น 3 ระดับตามการใช้งาน

• ถนนสำหรับยานยนต์ไร้คนขับ สำหรับยานพาหนะความเร็วสูง
• ถนนสำหรับยานพาหนะส่วนบุคคล เช่น จักรยานและสกูตเตอร์ไฟฟ้า สำหรับการเดินทางความเร็วต่ำ
• เส้นทางเดินเท้าพร้อมพื้นที่สีเขียวสาธารณะ สำหรับคนเดินเท้าเท่านั้น

 

ยิ่งกว่านั้น อาคารในเมืองจะสร้างจากไม้เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน และใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โครงสร้างของเมืองจะรองรับการใช้พลังงานหมุนเวียนได้เต็มรูปแบบ

 

 

โครงการต้นแบบนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันยาวไกลของ Toyota Motor Corporation ผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์กับบทบาทสำคัญในการพัฒนายานยนต์พลังงานสะอาด และ Woven City เป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวของ Toyota ที่ต้องการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนในระดับที่เป็นต้นแบบและแบบอย่างให้กับชาวโลก โดยมีเป้าหมายสำคัญ 3 ประการก็คือ

 

• สร้างเมืองที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ ผ่านระบบ IoT และ AI
• ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะพลังงานไฮโดรเจน
• เป็นสนามทดลองสำหรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์ผู้ช่วย (Service Robot)

 

การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 2021 และคาดว่าจะใช้เวลากว่าทศวรรษในการพัฒนา

 

Woven City กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย เฟสแรก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 50,000 ตารางเมตร และขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เฟสที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่ 52,000 ตารางเมตร คาดว่าการปรับพื้นที่จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ เมืองแห่งอนาคตนี้จะมีพื้นที่รวม ประมาณ 708,000 ตารางเมตร

 

 

โตโยต้ามีแผนเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม Woven City ในปี 2026 พร้อมกับเปิดตัว โครงการเร่งการพัฒนา (Accelerator Program) ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ เพื่อเชิญผู้ประกอบการ นักประดิษฐ์ และนักวิชาการเข้ามาร่วมพัฒนาเมืองผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย

 

แม้ว่าผู้นำของโตโยต้า อากิโอะ โตโยดะ จะเคยกล่าวว่า “Woven City อาจไม่ได้สร้างรายได้ให้โตโยต้า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะในฐานะพลเมืองโลก เรามีความรับผิดชอบในการลงทุนเพื่ออนาคตร่วมกัน” 

 

อย่างไรก็ตาม Hajime Kumabe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Woven by Toyota ย้ำว่า บริษัทไม่สามารถดำเนินการโดยไม่มีกำไรได้ ซึ่งสะท้อนถึงความสมดุลระหว่างวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตและความยั่งยืนทางธุรกิจของโตโยต้า

 

 

เทคโนโลยีที่ใช้ใน Woven City

ระบบขนส่งอัจฉริยะ - หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ Woven City คือการใช้ยานยนต์ไร้คนขับ รถทุกคันที่วิ่งในเมืองจะเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และใช้พลังงานไฮโดรเจน Toyota ได้พัฒนา e-Palette ซึ่งเป็นยานพาหนะอเนกประสงค์ที่สามารถใช้เป็นรถโดยสารสาธารณะ ร้านค้าเคลื่อนที่ หรือสำนักงานเคลื่อนที่

 

พลังงานสะอาดและไฮโดรเจน - พลังงานที่ใช้ใน Woven City จะมาจากแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานไฮโดรเจน ที่จะใช้ในระบบเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของเมือง

 

พลังงานแสงอาทิตย์ - ติดตั้งบนหลังคาของอาคารและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า

 

ระบบเก็บพลังงานอัจฉริยะ - เชื่อมต่อกับโครงข่ายพลังงานเพื่อบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ปัญญาประดิษฐ์และ IoT - ทุกองค์ประกอบในเมืองจะถูกเชื่อมโยงผ่านระบบ Internet of Things (IoT) และ AI เช่น ระบบบ้านอัจฉริยะที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยและปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสม

 

หุ่นยนต์ผู้ช่วยในบ้าน เช่น หุ่นยนต์ช่วยยกของ หุ่นยนต์ทำความสะอาด และหุ่นดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ

 

ระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

ความท้าทายและแนวโน้มในอนาคต

แม้ว่า Woven City จะเป็นโครงการที่ล้ำหน้า แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น การสร้างระบบพลังงานไฮโดรเจนที่มีต้นทุนต่ำและสามารถใช้ได้ในวงกว้าง ความปลอดภัยของเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ยังต้องทดสอบในระยะยาว ไปจนถึงการทำให้ประชาชนยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่

 

อย่างไรก็ตาม Woven City มีศักยภาพที่จะเป็นต้นแบบสำหรับเมืองแห่งอนาคตในศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง ที่สามารถนำไปปรับใช้ทั่วโลก หากประสบความสำเร็จ อาจนำไปสู่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศอื่น ๆ ด้วยแนวทางเดียวกัน

 

การถักทอที่ทรงพลังของเมืองอัจฉริยะ ต้นแบบเมืองที่คืนกลับสู่ความเรียบง่ายของชีวิต แต่โยงใยถึงกันผ่านเทคโนโลยี - คือคำจำกัดความถึง Woven City ที่ Smart City ควรมี

 

ภาพและข้อมูล: https://www.woven-city.global/