เปิด‘ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ’ ฉบับกฤษฎีกา ไม่ต้องมี 'กาสิโน' ก็ได้

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ. ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาในวาระที่หนึ่ง โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นฯไปจนถึงวันที่ 1 มี.ค.2568 และนำความคิดเห็นที่ได้รับไปปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ก่อนนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว๔

 

โดยร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ฉบับที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาในวาระที่หนึ่ง มีจำนวน 79 มาตรา ในร่าง พ.ร.บ. มาตรา 18 (6) ได้กำหนดหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรว่า ให้คณะกรรมการฯมีอำนาจหน้าที่ “กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ ต้องไม่เกินร้อยละสิบ (10) ของที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ในกรณีที่กาสิโนตั้งอยู่ในอาคารใดให้นับจากพื้นที่อาคารนั้นทั้งหมด”

 

ผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรจะต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย มีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทและได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการนโยบาย

 

“การกำหนดพื้นที่สถานบันเทิงครบวงจรตามวรรคหนึ่งและจำนวนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรให้เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด”

ขณะเดียวกัน ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ยังกำหนดให้การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรนั้น ไม่จำเป็นต้องมีสถานประกอบการกาสิโนก็ได้ โดย ร่าง มาตรา 6 วรรคแรก บัญญัติว่า “การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร จะกระทำได้เฉพาะที่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัตินี้ 3” และร่างมาตรา 6 วรรคสอง บัญญัติว่า “การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่ไม่มีสถานประกอบการกาสิโน ให้สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และให้นำมาตรา 12 มาใช้บังคับด้วย”

 

ทั้งนี้ ร่าง มาตรา 7 บัญญัติว่า “การกำหนดบริเวณพื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรให้ตราเป็นพระราช กฤษฎีกา โดยในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวอย่างน้อยต้องกำหนดรายละเอียด ดังต่อไปนี้

(1) แนวเขตที่ดินที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจรโดยชัดเจน

(2) แผนที่หรือแผนผังแสดงบริเวณพื้นที่ที่จะอนุญาตให้ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร”

 

ส่วนร่างมาตรา 9 บัญญัติว่า “การพิจารณาประกาศกำหนดพื้นที่ตามมาตรา 7 ให้คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ความเหมาะสมทางด้านการเงิน ตลอดจนผลกระทบและแนวทางหรือมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบดังกล่าวและความคุ้มค่าที่ประชาชนในพื้นที่และรัฐจะได้รับ โดยต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินข้างเคียง และหน่วยงานของรัฐที่ใช้ประโยชน์หรือดูแลที่ดินข้างเคียงหรือทางเข้าออกของที่ดินที่อาจได้รับผลกระทบจากการอนุญาตให้มีการตั้งสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและนำผลการรับฟังความคิดเห็นเสนอคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรนำไปประกอบการพิจารณาด้วย

 

การรับฟังความคิดเห็นตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด”

ขณะที่ ร่างมาตรา 10 วรรคแรก บัญญัติว่า “การดำเนินการเพื่อจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรภายในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ตามมาตรา 6 ที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชนหรือชุมชนตามที่มีกฎหมายกำหนด ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเป็นการเฉพาะเพื่อพิจารณาให้ความเห็นหรือความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการหรือกิจการนั้น โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับรายงานที่ถูกต้องและมีข้อมูลครบถ้วน”

 

นอกจากนี้ ร่างมาตรา 11 บัญญัติว่า “การดำเนินการเพื่อจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรภายในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 6 ที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนให้คณะกรรมการนโยบายมีอำนาจ...”

 

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ฉบับที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาในวาระที่หนึ่ง ประกอบด้วย 9 หมวด โดยกำหนดให้ “สถานบันเทิงครบวงจร” หมายความว่า การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้หลายประเภทรวมกัน ร่วมกับกาสิโน และกำหนดให้ “กาสิโน” หมายความว่า การจัดให้มีการเข้าเล่นหรือการเข้าพนันในสถานที่ที่กำหนดเป็นการเฉพาะ