‘เมดพาร์ค’ แนะหัวใจ Smart City คือ ใช้นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน
เมดพาร์คแนะ 2 ประเด็นที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตในยุค Smart City คือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอย่างสมดุล และการป้องกันสุขภาพให้เหมาะสมตามวัย แนะหัวใจของการใช้ชีวิตในสังคมที่สมาร์ท คือคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2567) นางสมถวิล ปธานวนิช ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษาโรงพยาบาลเมดพาร์ค กล่าวในงาน Thailand Smart City 2025 ในหัวข้อ 'Smart Life in a Smart World' ซึ่งจัดขึ้นโดย โพสต์ทูเดย์ โดยชี้ชัด 2 ประเด็นที่มีส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตอย่าง Smart ในยุคปัจจุบัน
- Holistic Health สุขภาพแบบองค์รวม
นางสมถวิล ปธานวนิช กล่าวว่า เทคโนโลยีต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ แต่สิ่งที่ท้าทายคือ ในชีวิตจริงมีเวลาไม่มากในแต่ละวัน แต่จะใช้ชีวิตอย่างไรให้เกิดภาพรวมที่ดี ซึ่งในแต่ละวันจำเป็นต้องบูรณาการสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเข้าด้วยกัน ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ (Nutrition)
- การออกกำลังกาย (Physical Activities)
- คุณภาพการนอน (Sleep) ควรจะนอนให้พอและเข้าใจวิถีการนอนเช่น ควรจะมีช่วงเวลาที่หลับลึก (Deep Sleep) โดยพบว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีปัญหาต่อการนอน ซึ่งประโยชน์ของการตรวจคุณภาพการนอน Sleep test ไม่ใช่แค่ให้นอนดี แต่สามารถคัดกรองโรคได้ด้วย
- การขจัดความเครียด (Stress Management) วิธีการที่จะจัดการกับความเครียดอาจทำได้ เช่น การอาบป่า ซึ่งเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ฉ่ำปอด ฉ่ำใจ สมองผ่อนคลาย การนำชีวิตไปสู่ธรรมชาติจะดีต่อการจัดการกับความเครียดได้ หรือในเมืองควรจะมีสวนสาธารณะ ซึ่งทุกๆ 15 นาทีควรจะมีสวนสาธารณะหนึ่งแห่งให้ประชาชนสามารถเข้าไปได้
- การเข้าสังคม (Social Connection) การเข้าสังคมหรือปฏิสัมพันธ์กับสังคม ล้วนทำให้เกิดการเยียวยาจิตใจ รวมไปถึงการคบเพื่อนต่างวัย ซึ่งจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
- การทำสิ่งที่ดีให้สังคม (Give the best of you to others) การทำสิ่งที่ให้คุณค่าแก่สังคมและผู้อื่นเป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขอื่นใด และทำให้สุขภาพจิตดี ทั้งนี้ โรงพยาบาลเมดพาร์คจึงได้จัดกิจกรรมต่างๆ ที่พยายามจะกระจายไปตามจุดต่างๆ ไม่กระจุกตัวอยู่แค่ที่ กทม. และมีโอกาสที่จะช่วยสังคมด้านอื่นๆ อย่างเช่น การฉีดวัคซีนกับผู้ป่วยในเขตพื้นที่คลองเตย หรือการร่วมมือกับกทม.ในงานวิ่งมาราธอนต่างๆ เป็นต้น
- Preventive Measures การป้องกันโรค
นางสมถวิลกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการจัดการความเป็นอยู่โดยองค์รวมแล้ว การป้องกันโรคหรือการตรวจเช็คสุขภาพเป็นอีกส่วนที่สำคัญ ซึ่งควรต้องทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น
Eye Screening โดยพบว่าเด็กหลายคนมีปัญหาสายตา พ่อแม่ไม่ทราบเลยซึ่งกว่าจะทราบก็สายไปแล้ว สายตาเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อการพัฒนาทางสมองของเด็กเป็นอย่างมาก
Sleep Quality ในวัยทำงานจะมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ ซึ่งควรเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ ได้หลายโรคด้วยกัน จึงควรที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ส่วนผู้สูงวัยจำเป็นต้องเข้ารับ การตรวจสุขภาพร่างกาย แม้ว่าสภาพภายนอกจะรู้สึกว่าตนแข็งแรงดีก็ตาม โดยนางสมถวิลได้ยกตัวอย่างผู้ป่วยรายหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคหัวใจรุนแรง มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ฝีที่ตับ ซึ่งตัวอย่างที่ดีของคนไข้ที่เข้าใจว่าแข็งแรงดี ไม่มีอาการ แต่มีอาการที่รุนแรงและเป็นมานาน เพราะฉะนั้นการตรวจร่างกายจะรู้ปัญหาล่วงหน้าก่อนที่รักษาไม่ทันการณ์
ทั้งนี้ ในประเด็นของการนำ AI มาใช้ทางการแพทย์ นางสมถวิลมองว่าแม้ AI จะเข้ามามีส่วนทางการรักษามากขึ้น แต่ AI ก็มีหน้าที่ในการตรวจจับ แต่ผู้ที่ตัดสินใจรักษาก็ยังคงต้องเป็น แพทย์ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีอยู่
ท้ายสุด “เรื่องของ Smart City สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้คนในเมืองแชร์วิสัยทัศน์เดียวกันว่า เราทำเพื่อความสุขและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน” นางสมถวิลกล่าว


