posttoday

ราคาคาร์บอนเครดิตทั่วโลก ลดรุนแรงในปี 2023 ส่งผลกระทบต่อราคาปี 2024 อย่างไร

13 มีนาคม 2567

ในปี 2023 ภาพรวมราคาคาร์บอนเครดิตมีการปรับตัวลดลง ท่ามกลางกระแสด้านลบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถิติการใช้คาร์บอนเครดิต (Retire) เพื่อการชดเชยกลับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8% แล้วในปี 2024 แนวโน้มราคาจะเป็นไปอย่างไร?

ในปี 2023 ภาพรวมราคาคาร์บอนเครดิตมีการปรับตัวลดลง ท่ามกลางกระแสด้านลบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถิติการใช้คาร์บอนเครดิต (Retire) เพื่อการชดเชยกลับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8% คิดเป็นปริมาณ 163 MtCO2eq สะท้อนถึงแนวโน้มความต้องการเครดิตที่สูงขึ้นของผู้เล่นหน้าใหม่ เพื่อนำไปชดเชยทั้งจากภาคบังคับและภาคสมัครใจ

มุมมองจาก S&P Global หลังสรุปข้อมูล การประเมินราคาคาร์บอนเครดิต ในปี ค.ศ. 2023 แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของราคาคาร์บอนเครดิตที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ โครงการประเภท REDD+ ตามมาตรฐานการรับรอง VERRA อีกทั้งการประชุม COP28 ณ ประเทศดูไบ ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ยังไม่มีแนวทางและข้อสรุปที่ชัดเจน ในประเด็นความตกลงปารีสข้อ 6.4 (Article 6.4 Mechanism) คาดว่ากระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาด อาจส่งผลให้แนวโน้มราคาในปี ค.ศ. 2024 นี้ลดลง โดยเฉพาะคาร์บอนเครดิตรูปแบบ Standardized contracts ที่ทำการซื้อขายผ่าน Exchange platform


ราคาคาร์บอนเครดิตทั่วโลก ลดรุนแรงในปี 2023 ส่งผลกระทบต่อราคาปี 2024 อย่างไร


 

ในปี 2023 ดัชนีราคา Platts CEC ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำหรับคาร์บอนเครดิตที่สามารถใช้ชดเชยในภาคการบิน (CORSIA eligible credit) เผชิญสภาวะราคาตกต่ำอย่างรุนแรง เนื่องจากหลายสายการบินไม่มีความต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชยเพราะสถานการณ์โควิด ดังนั้น โดยภาพรวมของดัชนีจึงลดลงกว่า 78% จากราคา ณ ต้นปีที่ 3.45 ดอลลาร์สหรัฐ/tCO2eq สู่ราคา ณ สิ้นปีที่ 74 เซ็นต์/tCO2eq และปรับราคาลงแตะต่ำสุดในประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการประเมินราคาดัชนีเมื่อเดือนมกราคม 2021 ที่ 45 เซ็นต์/tCO2eq ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2023

 

ดัชนีราคา Platts CNC ที่สะท้อนราคาคาร์บอนเครดิตประเภทหลีกเลี่ยง/ลด หรือดูดซับก๊าซเรือนกระจก (Nature-based solution) อย่างประเภทโครงการ กิจกรรมด้านการเกษตรกรรม ป่าไม้ และการใช้ประโยชน์ที่ดินอื่น ๆ (AFOLU) ภาพรวมของดัชนีลดลงไปมากถึง 95.7% จากราคา ณ ต้นปี 2023 อยู่ที่ 4.65 ดอลลาร์สหรัฐ/tCO2eq สู่ราคา ณ สิ้นปีที่ 20 เซ็นต์/tCO2eq หลังจากการรายงานข่าวด้านลบเกี่ยวกับมาตรฐาน VERRA ที่รับรองโครงการ REDD+ กว่า 90% นั้น "ไร้ประโยชน์"

 

ดัชนีราคา Platts Household Devices ภาพรวมของดัชนีลดลงประมาณ 40.6% จากราคา ณ ต้นปี 2023 อยู่ที่ 8 ดอลลาร์สหรัฐ/ tCO2eq สู่ราคา ณ สิ้นปีที่ 4.75 ดอลลาร์สหรัฐ/tCO2eq โดยราคาลดลงมาระดับต่ำสุดเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 อยู่ที่ 4.35 ดอลลาร์สหรัฐ/tCO2eq ผลกระทบส่วนหนึ่งมาจากความน่าเชื่อถือของหลักการและกระบวนการรับรองคาร์บอนเครดิต ถึงแม้ว่ามาตรฐานเจ้าใหญ่อย่าง VERRA ได้มีการปรับปรุงระเบียบวิธีการประเภท Cookstove แต่ก็ยังไม่สามารถดึงความเชื่อมั่นจากผู้เล่นในตลาดได้มากนัก อย่างไรก็ตาม คาร์บอนเครดิตประเภทนี้ยังคงมีปัจจัยจากด้าน Co-benefit ที่ส่งผลต่อราคา ทำให้ภาพรวมราคาลดลงไม่เยอะมากหากเทียบกับประเภทอื่น ๆ

.

ดัชนีราคา ประเภท Nature-based avoidance ซึ่งสะท้อนราคาคาร์บอนเครดิตที่แข่งขันมากที่สุดในระดับสากล ปรับราคาลงแตะต่ำสุดเช่นกัน จากราคา ณ ต้นปี 2023 ที่ 11.50 ดอลลาร์สหรัฐ/tCO2eq เหลือเพียง 3.50 ดอลลาร์สหรัฐ/tCO2eq ในช่วงปลายปี เพื่อปิดช่องโหว่ที่เกิดขึ้นนี้ VERRA เริ่มดำเนินการปรับปรุงระเบียบวิธีการ REDD+ ใหม่ ให้สอดรับกับหลักเกณฑ์ Core Carbon Principles ของ ICVCM ครอบคลุมโครงการที่จะขึ้นทะเบียนใหม่และโครงการเก่าที่ดำเนินการอยู่ (Transition) ยังคงต้องรอดูความชัดเจนหลังจากนี้ต่อไป

.

สำหรับข้อน่ากังวลที่สุดจากประเด็นเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือที่ผู้เล่นในตลาดส่วนมากให้ความสำคัญ คือ ดัชนีราคา Platts Renewable Energy เครดิตจากภาคส่วนพลังงานหมุนเวียน (Renewables segment) ถูกมองเป็นเครดิตที่ไม่ค่อยมีคุณภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากนัก อย่างไรก็ตาม คาร์บอนเครดิตจากภาคส่วนนี้ยังเป็นอุปทานส่วนใหญ่ของตลาด แม้ว่าราคาจะมีการดีดตัวสูงขึ้นในเดือนพฤษภาคมและเดือนสิงหาคม แต่ก็ทำให้การเคลื่อนไหวของราคามีความผันผวนไม่มากนักหากเทียบกับดัชนีราคาอื่น ๆ

 

ในปี 2023 ภาพรวมราคาคาร์บอนเครดิตมีการปรับตัวลดลง ท่ามกลางกระแสด้านลบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถิติการใช้คาร์บอนเครดิต (Retire) เพื่อการชดเชยกลับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8% คิดเป็นปริมาณ 163 MtCO2eq สะท้อนถึงแนวโน้มความต้องการเครดิตที่สูงขึ้นของผู้เล่นหน้าใหม่ เพื่อนำไปชดเชยทั้งจากภาคบังคับและภาคสมัครใจ ซึ่งเป็นการส่งเสริมและดึงความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดทั้งหน้าเก่าและใหม่ และแนวโน้มในปี 2024 คาดการณ์ว่าจากการออกแนวทางปฏิบัติ Core Carbon Principles ขององค์กร ICVCM จะช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของการรับรองคาร์บอนเครดิตมากยิ่งขึ้น และการที่องค์กร VCMI ออกแนวทางปฏิบัติ Claim Code of Conduct ก็จะช่วยวางแนวทางการใช้คาร์บอนเครดิตสำหรับการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคเอกชนให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนเช่นกัน รวมถึงความต้องการจากภาคการบินระหว่างประเทศ สำหรับมาตรการ CORSIA ระยะที่ 1 ที่ดำเนินการในช่วง 2024-2026 คาดว่าจะมีความต้องการใช้คาร์บอนเครดิตชดเชยประมาณ 100-200 MtCO2eq ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตลาดคาร์บอนส่งผลให้ราคาคาร์บอนเครดิตมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีกครั้ง

REDD+ = Reducing Emissions from Deforestation and Forest Degradation, and the Role of Conservation, Sustainable Management of Forests and Enhancement of Forest Carbon Stocks in Developing Countries

CORSIA = Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation

AFOLU = Agriculture, Forestry and Other Land Use

ICVCM = The Integrity Council for Voluntary Carbon Markets

VCMI = Voluntary Carbon Markets Integrity Initiative

 

 

 

อ้างอิง:

https://www.spglobal.com/commodityinsights/en/market-insights/latest-news/energy-transition/010524-price-slump-in-2023-clouds-outlook-for-voluntary-carbon-market

- https://www.spglobal.com/commodityinsights/PlattsContent/_assets/_files/en/our-methodology/methodology-specifications/method_carbon_credits.pdf

องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68