posttoday

ปัญหาโลกร้อนรอไม่ได้ กทม.ตั้งเป้าลดคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050

12 มีนาคม 2567

กรุงเทพมหานคร เปิดแนวทางรับมือการเปลี่ยนแปลงทางอากาศ ลดฝุ่น PM 2.5 ความร้อนสะสมในเมือง แก้ปัญหาน้ำท่วม พร้อมวางเป้าลดคาร์บอน 2 ระยะ โดยวางปี 2050 กรุงเทพคาร์บอนต้องเป็นศูนย์

นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร กล่าวในงาน สปริงนิวส์ เปิดเวที อนาคตประเทศไทย Next Step Thailand 2024 : Tech & Sustain ก้าวต่อไปของนวัตกรรมและความยั่งยืน ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2567  

ชี้ว่า กทม.ต้องรับมืออย่างหนักกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ แบ่งเป็น 2 ประเด็นคือ      
 

1.การปรับตัว และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีปัญหาหนักขึ้น กับปัญหาใหม่ที่ต้องหันมารับมือปัญหาเดิมอย่างน้ำท่วม โดยแนวทางของผู้ว่าราชการคือ เดิมเน้นเมกะโปรเจกต์ทำอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ แต่มีปัญหาน้ำไม่ถึงอุโมงค์ระบายน้ำ เพราะคลอง และท่อมีไขมันอุดตัน รวมถึงมีเรื่องของขยะที่ติดอยู่ ก็ต้องไปเน้นทำเรื่องเส้นเลือดฝอยของลอกท่อมากขึ้น

2.ฝุ่น และจุดเผาที่เพิ่มขึ้นในสภาวะเอลนีโญ โดยจุดที่กระทบกรุงเทพฯ คือ กัมพูชาที่มีจุดฮอตสปอตวันละ 3,000-4000 จุด ซึ่งต้องประสานงานรัฐบาลในการเจรจาประเทศเพื่อนบ้าน ในการควบคุมจุดเผามากขึ้น โดยจะสังเกตจากตัวเลขพบว่าจุดเผาในประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเกือบ 100%

ปัญหาโลกร้อนรอไม่ได้ กทม.ตั้งเป้าลดคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050

กทม.มีปัญหาใหม่คือเรื่องความร้อนที่ตอนนี้ให้ความสำคัญ โดยได้ออกแผนมาตรการรับมือกับความร้อนไม่ว่าจะเป็นการป้องกันสุขภาพ เจ้าหน้าที่ กทม.ที่ทำงานในพื้นที่ข้างนอกเยอะ เช่น เจ้าหน้าที่ลอกคลอง พนักงานในสวน พนักงานกวาดถนนต่างๆ รวมถึงคนงานไซต์งานก่อสร้าง ซึ่งได้หารือหลายกลุ่มมูลนิธิที่ดูแลแรงงานก่อสร้างโดยเฉพาะคนต่างด้าว เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้ตระหนักสุขภาพ

วางแผนลดคาร์บอน 2 ระยะ 

ปัจจุลัน กทม.มีโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น เป็นการเพิ่มจุดที่ลดความร้อนในเมือง ไม่ว่าจะการปลูกต้นไม้ รวมถึงการทำสวนสาธารณะเพิ่มขึ้น หรือการทำห้องเรียนปลอดฝุ่น และเพิ่มคุณภาพการเรียนให้นักเรียนในกรุงเทพฯ โดยมีเป้าภายในปี 2030 ลดคาร์บอนลง 19% และตั้งใจลดให้ได้ Net zero ภายในปี 2050 

นอกจากนี้มีเป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2030 ต้องลดคาร์บอนลง 19% ซึ่งต้องเพิ่มการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และส่งเสริมอาคารอนุรักษ์พลังงาน เพื่อให้การมีประสิทธิภาพทางพลังงานรายปีชัดเจน
ปัญหาโลกร้อนรอไม่ได้ กทม.ตั้งเป้าลดคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050

กทม.เมืองสีเขียว ประชาชนต้องสะดวกในการเดินทาง

กทม.ได้ส่งเสริมเมืองสีเขียว เช่น การขนส่ง อาจจะไม่ได้เน้นการทำรถไฟฟ้าขนาดใหญ่แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การทำระบบเส้นเลือดฝอยให้ประชาชนเข้าถึงระบบรถไฟฟ้าสะดวกที่สุด เพราะว่าถ้ามีเส้นเลือดใหญ่ที่ดีแต่เส้นเลือดฝอยยังไม่สะดวกคนยังเข้าถึงรถไฟฟ้าไม่ได้ ก็ไม่เลือกที่จะใช้ระบบขนส่งมวลชน ก็จะใช้รถยนต์ส่วนตัว

รวมถึงส่งเสริมเรื่องการทางเท้า และเลนจักรยานต่างๆ และเรื่องของการคัดแยกขยะอันนี้สำคัญ ที่ผ่านมาก็ได้มีการรณรงค์ชัดเจนแล้วก็ได้รถขยะเฉลี่ยประมาณ 500 ตันต่อวันการใช้ไฟส่องสว่าง เปลี่ยนเป็น LED ประหยัดพลังงานให้กับเมือง

นอกจากนี้เพิ่มพื้นที่สีเขียวต้นไม้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปลูกต้นไม้ไปแล้ว 800,000 ต้น จากเป้าของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ 1 ล้านต้น ส่วนพื้นที่สีเขียวมีนโยบายให้เข้าถึงสวนได้ภายใน 15 นาที โดยมีระยะทางเดิน 800 เมตร