วอลโว่ ทุ่มกว่า 100 ล้านบาท ผุดโรงงานรีไซเคิล-ซ่อมแบตอีวีในไทย
วอลโว่ ประเทศไทย เผยปี 2566 ยอดขายขยายตัวสูงเป็นสถิติ รถยนต์ อีวี (EV) มีสัดส่วน 56% เตรียมเทงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ขึ้นโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่รถอีวี แห่งที่ 4 ของโลกในไทย พร้อมให้บริการลูกค้าทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ก่อนปีหน้าขึ้นแท่นผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
นายคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจของวอลโว่ในปี 2567 นี้ว่า บริษัทได้เตรียมงบประมาณมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท สำหรับลงทุนสร้างโรงงานรีไซเคิล และซ่อมแบตเตอรี่รถอีวี สำหรับรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดประเทศไทย และเอเชีย-แปซิฟิก โดยคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในครึ่งหลังของปี 2567 นี้อย่างแน่นอน
โดยโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่อีวีแห่งนี้ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 4 ของวอลโว่ทั่วโลกที่มีอยู่ สวีเดน, จีน และอเมริกา
“โรงงานซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นด้วยโครงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือกับ TES ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์ น่าจะได้เห็นความชัดเจนเร็ว ๆ นี้ เรายังติดตั้งหลังคาโซลาร์ ณ คลังสินค้า Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center บางนา ซึ่งจะสร้างเสร็จในเดือนเมษายนนี้ บนพื้นที่กว่า 23,331 ตารางเมตร”
สำหรับยอดยายของวอลโว่ในปี 2566 วอลโว่มียอดขายรถยนต์กว่า 4,000 คัน โต 24% จากปีก่อน และถือเป็นยอดขายสูงสุดเท่าที่วอลโว่เคยทำได้ในประเทศไทย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นสัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้า EV 100% มีสัดส่วนการขายมากถึง 56% และที่เหลือเป็นรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด
ส่วนในปี 2567 นี้บริษัทยังตั้งเป้าจะมียอดขายเติบโตให้ได้ 24% จากปีที่ผ่านมา และมีสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเป็น 80% ของยอดขายทั้งหมด และในปี 2568 วอลโว่ประเทศไทยจะขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ตามแผนที่ประกาศไว้
โดยรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ “Volvo XC40 Recharge Pure Electric” ขณะที่ อีวี รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา คือ “Volvo EX30” ได้รับกระแสความสนใจจากผู้บริโภค และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถไฟฟ้าของวอลโว่ในปีนี้
ด้านกลยุทธ์การตลาด วอลโว่ ตั้งเป้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายภายในปี 2568 ได้แก่
ตั้งเป้าการเติบโตทางด้านยอดขายอย่างต่อเนื่องหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
เริ่มให้บริการซ่อม และบำรุงรักษารถไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ หรือโมบาย เซอร์วิสทั่วประเทศ
ประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02) โดยเฉลี่ยร้อยละ 70% ต่อคัน ภายในปี 2025


