Huawei พร้อมดัน Green Technology ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ

ฐานเศรษฐกิจ จัดงานสัมมนา “Go Thailand 2024 : Green Economy - Landbridge โอกาสทอง?” เพื่อนำเสนอทิศทางการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตตามเมกกะเทรนด์ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท (Eastin Grand Hotel Phayathai) ในวันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566

ในช่วง Session I : Green Market Blue Ocean ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาประเทศและเป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยระบุว่า ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นว่าเทคโนโลยีเริ่มถูกนำมาใช้เพื่อผลักดันการลด Carbon Footprint มากขึ้น

หากเราพูดถึงเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green technology) ปัจจุบัน Smart PV หรือ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กลายเป็นเทคโนโลยีหลักทั้งในระดับอุตสาหกรรม และครัวเรือน ซึ่ง 5-10 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นแทบจะทุกอุตสาหกรรมใช้เทคโนโลยี Smart PV ขณะที่ฝั่งครัวเรือนก็เริ่มปรับใช้แล้วเช่นกัน บ้านใหม่ๆที่ถูกสร้างขึ้นในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะมีการสร้าง Smart PV แบบ Built-in ซึ่ง Huawei ก็จะนำเสนอโซลูชัน Smart PV สำหรับบ้านพักอาศัย เพื่อยกระดับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือนทั่วประเทศไทย

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ การนำ Digital Intelligence เข้ามาใช้ในการลด Carbon Footprint ของการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ และสร้างพลังงานใหม่ๆ โดยปัจจัยที่มีส่วนในการขับเคลื่อนให้เกิดการรับเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ อันดับแรกคือ นโยบายภาครัฐที่มุ่งบรรลุ Net zero ให้ได้ตามเป้า ต่อมาคือเรื่องเงินทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่าง Green Fund ที่มาจากภาครัฐ เอกชน และกองทุนต่างๆที่มีส่วนร่วมสนับสนุน ขณะที่ลำดับสุดท้ายซึ่งมีความสำคัญมากคือ ปัจจัยที่เกี่ยวกับธุรกิจทั้งหลายที่บังคับให้เกิดการปรับตัว เช่น Carbon Credit 

ในส่วนของ Huawei ได้ลงทุนไปกับ Data Center ในไทยไปแล้ว 3 แห่ง ซึ่งทั้งหมดเป็น Green Data Center ที่สามารถให้บริการในประสิทธิภาพสูงและสร้าง Carbon Footprint ต่ำ ทั้งยังเป็นกลไกที่จะช่วยองค์ต่างๆในไทยลด Carbon Footprint ลงได้ รวมถึงร่วมมือกับสถาบันการเงินอย่าง Kbank เพื่อผลักดันแพ็กเกจการเงินให้กับภาคครัวเรือนในการเข้าถึง Smart PV ซึ่งจนถึงทุกวันนี้เรามีส่วนช่วยลด Carbon Footprint ลงไปได้แล้วกว่า 265,000 ตัน หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 33 ล้านต้น

นอกจากนี้ทาง Huawei ยังมองว่า Digital Intelligence ยังมีบทบาทในการนำพลังงานที่ผลิตขึ้นได้ไปใช้งานกับส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากยานยนต์ หรือโทรศัพท์มือถือ แต่เป็นในระดับองค์กร เมือง หรือ ครัวเรือนภายใต้แนวคิด Smart City ซึ่ง Digital Intelligence เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารเมืองอัจฉริยะ ที่ Huawei ต้องการผลักดันให้เข้าสู่ทุกคน ทุกบ้าน ทุกองค์กร ให้เชื่อมต่อถึงกันอย่างยั่งยืน