อสังหาฯฟื้นยาก! "LPP–LPS" ปักหมุดโตสวนวิกฤติ ดันงานบริหาร-วิศวกรรมครบวงจร สู่ Top 3 ตลาดใน 5 ปี

ในวันที่ตลาดอสังหาฯไทยยังติดหล่ม ปัญหาหนี้ครัวเรือนมหาศาล ความเสี่ยงตกงานพุ่ง การปล่อยกู้ตึงตัว ฉุดยอดขายโครงการใหม่ซบเซา แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่ชะลอตัวตาม! 

"อสังหาริมทรัพย์ไทยคาดว่าจะฟื้นตัวในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จนกว่าหนี้ภาคครัวเรือนจะลดลง เศรษฐกิจดีขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมา ตอนนี้หนี้ท่วม คนเสี่ยงตกงานสูง ความเชื่อมั่นหดหาย แบงก์ไม่ปล่อยกู้ทำให้อสังหาฯขายได้ไม่ดีนัก แต่งานของ LPP และ LPS ที่เกี่ยวกับการบริหารนิติบุคคลและงานวิศวกรรมซ่อมบำรุงยังสามารถเติบโตได้ดีในทุกสภาวะการณ์"

คุณหมู-สุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) เปิดใจกับ "โพสต์ทูเดย์"

เป็นที่ทราบกันดีว่า "LPP" ให้บริการด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ทั้งการบริหารชุมชนและอาคารต่างๆ บริการครอบคลุมตั้งแต่การจัดการนิติบุคคล การบริหารทรัพย์สิน การดูแลความปลอดภัย ความสะอาด จนถึงบริการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์

และ "บริษัท แอล พี เอส โปรเจค มาเนจเมนท์ จำกัด (LPS)" ให้บริการที่ปรึกษาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริหารโครงการ ออกแบบ และควบคุมงานก่อสร้าง, ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม, บริการด้านวิศวกรรมอาคารชุด และบริการรับบริหารโครงการแบบ One Stop Service

ทั้งสองแห่งเป็นบริษัทลูกของ "บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN" แต่ในปีพ.ศ.2565 เกิดการปรับโครงสร้างองค์กรภายใน ทาง LPS จึงโอนย้ายเข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทในเครือ นั่นก็คือ "LPP"

จุดแข็งของ LPP และ LPS คืออะไร ?

LPP มีประสบการณ์การทำงานบริหารอสังหาฯ นิติบุคคล ความปลอดภัยมากว่า 30 ปี ด้วยการทำงานอย่างมืออาชีพที่ทำให้กับ LPN มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง LPP ให้บริการครบวงจรผ่านบริษัทลูกอย่าง LPS ที่ดูแลงานวิศวกรรมทุกรูปแบบ และ LSS ที่ให้บริการรักษาความปลอดภัย รปภ. และ แม่บ้าน

ลูกค้าเชื่อมั่นการบริหารงานของ LPP สะท้อนผ่านภาพการบริหารในปัจจุบันจำนวน 280 นิติบุคคล หรือราว 600 อาคาร ซึ่งมาจากการบริหารนิติบุคคลของ LPN มากกว่า 140 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่อุดรธานี, ชลบุรี, ชะอำ, หัวหิน ที่เหลืออีกกว่า 140 แห่งเป็นการบริหารให้กับลูกค้าภายนอก ที่มีขนาดราคา 2-10 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับไม่เกิน 5 ล้านบาท ทั้งแบบ B2B บริหารให้ LH, ANAN, คอมมูนิตี้มอลล์, ศาลอาญารัชดา เป็นต้น

ขณะที่ LPS ทำธุรกิจมานาน โดย 17 ปีแรกรับงานด้านวิศวกรรมทั้งหมดจาก LPN หลังจากนั้นจึงขยายงานให้บริการลูกค้าภายนอก งานซ่อมบำรุงทั้งหมดเป็นราคากลางที่ย่อมเยาแต่ สามารถทำกำไรได้ แม้คู่แข่งทางธุรกิจมีจำนวนมาก แต่เน้นวอลุ่ม การที่ลูกค้าเลือกเราก็ได้การบริการที่ครอบคลุมทั้งหมด

"งานด้านบริหารนิติบุคคลมีการเติบโตต่อเนื่อง กำไรโตดี ปีนี้คาดบริหารนิติเพิ่มอีก 5 แห่ง ซึ่งปกติงานบริหารนิติของเราจะเพิ่มปีละ 20-30 แห่ง แต่ช่วงโควิด-19 ลดลง ส่วนงานสายวิศวกรรมโตเร็วโตเยอะ ยิ่งงานซ่อมบำรุงต่างๆที่ต้องดูแลเฉพาะทางเติบโตอย่างมาก"

ถามว่า วางเป้าหมายอนาคต LPP และ LPS อย่างไร ?

วางเป้าหมายให้ LPP ติดท็อป 3 งานบริหารครบวงจร ขณะที่ LPS ถ้าเป็นงานเอกชนอยากขึ้นเบอร์ 3 ภายใน 5 ปีจากปี 2568 แม้โครงการอสังหาฯใหม่ๆอาจจะเกิดขึ้นน้อย แต่สิ่งที่แน่นอนคือการปรับปรุงโครงการต้องเกิดขึ้น งานด้านนิติบุคคล การซ่อมบำรุง การดูแลความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รปภ. แม่บ้านดูแลความสะอาดมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มรายได้ปี 2569 คาดว่า LPP เติบโตต่อเนื่องมากกว่า 2,000 ล้านบาท และ LPS เติบโตต่อเนื่องเช่นกัน คาดรายได้ 500 ล้านบาท ด้วยงานซ่อมบำรุงมีเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะแผ่นดินไหวในช่วงที่ผ่านมามีงานรอทำ 120 ล้านบาทและอยู่ระหว่างเสนองานอีก 500 ล้านบาท ความเสียหายแผ่นดินไหวมูลค่า 10,000 ล้านบาท งานซ่อมมีทั้งฉาบปูน ทาสี ซ่อมท่อ ฯลฯ 

LPP รายได้ตลอด 3 ปี 

• 2568 รายได้ 1,900 ล้านบาท มาจากงานบริหารนิติบุคคล 1,000 ล้านบาท บริการนายหน้าอสังหาฯราว 70 ล้านบาท, LPS ราว 300 ล้านบาท และ LSS ราว 600 ล้านบาท 
• 2567 รายได้ 1,600 ล้านบาท
• 2566 รายได้ 1,500 ล้านบาท

"ตนเข้ามารับตำในช่วงปลายปี 2564 ตอนนั้นมีรายได้ 800-900 ล้านบาท จากนั้นเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากนี้คงมองการซื้อกิจการเข้ามาเพิ่ม อย่าง LPS เพิ่งซื้อบริษัท PWG ผลิตท่อเข้ามาเสริมธุรกิจให้ครบวงจมากขึ้น"

LPS รายได้ตลอด 3 ปี กำไรโตเฉลี่ยปีละ 10%

• 2568 รายได้ 300 ล้านบาท 
• 2567 รายได้ 200 ล้านบาท 
• 2566 รายได้ 50 ล้านบาท

"เรามีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง แผนระยะยาวจึงลงทุนเพิ่ม ทั้งซื้อกิจการและปรับระบบหลังบ้าน ลงทุนไอที คาดใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท เพื่อบริหารงานได้เพิ่มขึ้น ปรับคุณภาพ ยกระดับการทำงานให้มืออาชีพเพื่อรับงานขนาดใหญ่มากขึ้น"

คุณโค้ก-อนุวัฒน์ มณีนพรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี เอส โปรเจค มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPS บริษัทในเครือ LPP เล่าว่า ที่ผ่านมา LPS ให้บริการครอบคลุมงานที่ปรึกษาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ งานบริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง และต่อมาได้ขยายมายังกลุ่มธุรกิจรับเหมาออกแบบ ก่อสร้าง ปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซมและบริการด้านวิศวกรรมอาคารชุดครอบคุลมการบำรุงรักษาทำให้มีความพร้อมในการให้บริการแบบ One-Stop Service ได้

แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เติบโตอย่างหวือหวา แต่ยังมีหลายเซกต์เมนต์ที่เติบโต เช่น โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน ฯลฯ รวมถึงการ Redevelop ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนำอาคารเก่าบนที่ดินที่มีศักยภาพมาปรับปรุงให้ทันสมัย สร้างคุณค่าและมูลค่าได้

ซึ่งอาคารที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ LPS จะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดีขึ้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีระบบบริหารจัดการอาคารที่สอดคล้องกับแนวคิด Smart Building ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาวแล้ว ยังสามารถเพิ่มมูลค่าอาคารและตอบโจทย์ด้าน ESG ที่นักลงทุนและผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น

LPS ได้รับความไว้วางใจจากหลายโครงการ อาทิ โครงการ CANVAS 39 ปรับปรุงจากอพารท์เมนท์เป็นคอนโดมิเนียม โครงการปรับปรุงโรงแรมร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง รวมถึงโครงการปรับปรุงคอนโดสู่ธุรกิจโรงแรม ฯลฯ  โดยบริการของ LPS จะเริ่มจากออกแบบทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม รับเหมาก่อสร้าง ควบคุมงานให้เสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้ แล้วส่งมอบให้ลูกค้าเพื่อนำไปติดแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมา LPS เคยอยู่เบื้องหลังและขับเคลื่อนความสำเร็จให้แก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) โครงการขนาดใหญ่มาแล้ว

อย่างไรก็ดี LPS ตั้งเป้าหมายในการเป็นผู้นำในธุรกิจบริการแบบครบวงจรแบบด้านการพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ครอบคลุมตั้งแต่งานที่ปรึกษา ออกแบบ งานวิศวกรรม ควบคุมและงานก่อสร้าง จนถึงการส่งมอบโครงการ

ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้ากลุ่มที่เติบโตสูงสุด คือ กลุ่มที่อยู่อาศัย คิดเป็นสัดส่วน  80% ของลูกค้าทั้งหมด รองลงมาคือลูกค้ากลุ่มโรงแรม คิดเป็น 10% และกลุ่มอื่นๆ 10% โดยภายใน 3-5 ปี ตั้งเป้าปรับสัดส่วนลูกค้ากลุ่มที่อยู่อาศัย กับกลุ่มอื่นๆ เป็นสัดส่วน 50 ต่อ 50.