posttoday

ดิ้นหนีวิกฤติ! PF เร่งเกมลดหนี้ 50% ดึงทุนญี่ปุ่นหนุนโตยั่งยืน

30 กรกฎาคม 2568

"พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF)" ปรับแผนใหญ่ 3 ปี เดินหน้าลดหนี้ 50% เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ขายทรัพย์สินเติมสภาพคล่อง ชูจุดแข็งทำเลทอง-พันธมิตรญี่ปุ่น สร้างรายได้มั่นคงระยะยาว

KEY

POINTS

  • "พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF)" ปรับแผนใหญ่ 3 ปี เดินหน้าลดหนี้ 50% เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ ขายทรัพย์สินเติมสภาพคล่อง
  • ชูจุดแข็งทำเลทอง-พันธมิตรญี่ปุ่น สร้างรายได้มั่นคงระยะยาว

ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแรงลง ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เผชิญแรงกดดันจากความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่ถดถอย อีกทั้งการปฏิเสธสินเชื่ออยู่ในอัตราสูง 

"ศานิต อรรถญาณสกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวจึงเตรียมแผนกลยุทธ์ 3 ปี พ.ศ.2569-2571 ภายใต้เป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดภาระหนี้ สร้างยอดขายเพิ่มรายได้ และปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง

แนวทางสำคัญของบริษัท คือ การปรับโครงสร้างทางการเงิน โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดภาระหนี้ลง 50% ภายในปี 2570 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้สามารถดำเนินการตามแผนธุรกิจที่วางไว้

บริษัทมีแผนการขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ทรัพย์สินหลัก (Non-Core Assets) ภายในระยะ 3 ปี  เริ่มจากปี 2569 มีแผนขายสินทรัพย์มูลค่า 300 ล้านบาท ปี 2570 มูลค่า 2,500 ล้านบาท และปี 2571 มีเป้าหมายขายสินทรัพย์เพิ่มอีกกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนแผนลดหนี้และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน  

"บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น และประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 6 สิงหาคมนี้ ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการชำระคืนหุ้นกู้ 15 ชุด ครบกำหนดไถ่ถอน สิงหาคม 2568 ถึง มกราคม 2570 โดยเสนอขยายระยะเวลาไถ่ถอนทุกชุดออกไป 2 ปี และปรับเพิ่มดอกเบี้ยอีก 0.25%ต่อปี เพื่อบริหารกระแสเงินสดและสามารถชำระคืนหนี้หุ้นกู้"

แผนธุรกิจ เน้นฟื้นรายได้ผ่านการสร้างยอดขายให้เติบโต โดยตั้งเป้าให้ยอดขายกลับมาสู่ระดับ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2571 กลยุทธ์หลักมุ่งไปที่สินค้ากลุ่มบ้านระดับราคาปานกลาง ซึ่งยังคงมีดีมานด์ในตลาด ขณะเดียวกันจะทยอยลดสัดส่วนสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม

ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมขายรวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 2,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3,500 ล้านบาท โดยจะเร่งระบายสต็อกในโครงการที่สามารถรับรู้รายได้ทันที นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 2,220 ล้านบาททยอยสร้างรายได้ต่อเนื่อง

จุดแข็งสำคัญ ได้แก่ การถือครองทรัพย์สินในทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นทำเลที่มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องและเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ ตลอดจนทำเลที่มีการเติบโตและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด อย่าง เขาใหญ่, หัวหิน และ เชียงใหม่

บริษัทเดินหน้าปรับโครงสร้างทางธุรกิจและโครงสร้างองค์กร เป้าหมายหลัก คือ ลดค่าใช้จ่ายลง 20% ภายในปี 2569 โดยมีแผนเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการดำเนินงานและระบบบริหารจัดการให้มีความกระชับคล่องตัว ยกระดับความสามารถในการทำกำไร เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน

ที่ผ่านมาบริษัทยังได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรระดับโลก อาทิ Sumitomo Forestry และ Sekisui Chemical จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความร่วมมือระยะยาวในพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพบริษัทในสายตานักลงทุนต่างชาติ

อีกทั้งประสบการณ์ 40 ปี ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และความสามารถในการบริหารจัดการภายใต้สภาวะท้าทาย บริษัทสามารถผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจที่มีผลกระทบในระดับโลกมาแล้วหลายครั้ง และสามารถปรับตัวฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

"แผน 3 ปีของบริษัทครั้งนี้ไม่เพียงมุ่งรับมือกับความท้าทายในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานใหม่เพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต."

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"