posttoday

“ศุภาลัย” สุดแกร่งรับปี 66 สู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่ เปิด 37 โครงการ มูลค่า 41,000 ลบ.

23 มกราคม 2566

“ศุภาลัย” เล็งเศรษฐกิจจ่อฟื้นต่อเนื่อง หนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดโต 5% เผยแผนปี 66 ลุยเปิดโครงการใหม่ทั่วประเทศ 37 โครงการ มูลค่า 41,000 ล้านบาท ตั้งเป้าพิชิตยอดขาย New High 36,000 ล้านบาท พร้อมโชว์ผลงานปี 65 ยอดขายปี 65 แตะ 32,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35%

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปี 2566 โดยประเมินว่า จะเติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง และกำลังซื้อจากต่างชาติจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง อีกทั้งมีการต่อมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2566 โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% ของราคาประเมินหรือราคาขาย และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% จากยอดเงินกู้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้เป็นปีที่ดีแม้จะมีเรื่องภาวะเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

 

“ปีนี้บริษัทคาดว่าเศรษฐกิจของไทยจะอยู่ที่ประมาณ 3-4% ซึ่งการขยายตัวของจีดีพีสะท้อนได้จากกำลังซื้อภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ส่วนลูกค้าชาวจีนของบริษัทได้กลับมาโอนกรรมสิทธิ์มากยิ่งขึ้น ภายหลังจากที่ได้เปิดประเทศ ขณะเดียวกันภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 เริ่มฟื้นตัวและมาตรการกระตุ้นธุรกิจ ด้วยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และมาตรการผ่อนคลาย LTV ทำให้เกิดการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ส่วนในปี 2566 คาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีอัตราการเติบโตได้ที่ประมาณ 5% ”นายประทีป กล่าว

 

ในส่วนของแผนการลงทุนของบริษัทมีการขยายการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ประเทศออสเตรเลีย ได้มีการลงทุนไปแล้ว 12 โครงการ มูลค่าโครงการ 52,600 ล้านบาท ด้วยเม็ดเงินลงทุนรวมของศุภาลัย 9,748 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการลงทุนธุรกิจอื่นๆ ด้านนวัตกรรมการออกแบบที่อยู่อาศัย ได้มีการสร้างสรรค์แบบบ้านซีรีส์ใหม่ อาทิ Romantic Charm และ Wellness Residence อีกทั้งเดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบระดับราคา 10 – 30 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้น 

 

พร้อมลุยเปิดขายทั่วประเทศทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เจาะลูกค้าระดับบน  เพราะที่ผ่านมาบริษัทมีการเปิดตัวแบรนด์ “เอเลแกนซ์”  ได้แก่  “ศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121” แบบบ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุด 3 แบบ 3 สไตล์ ระดับลักซ์ชูรี่ ราคาเริ่มต้น 20 – 30 ล้านบาท ปักหมุดทำเลแรกบนถนนบรมราชชนนี และศุภาลัย เอเลแกนซ์ พหลโยธิน 50 บ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ในสไตล์ Modern Metro ราคาเริ่มต้น 17.99 ล้านบาท บนศักยภาพทำเลใจกลางเมือง “ถนนเทพรักษ์” ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก

 

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขาย 36,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 36,000 ล้านบาท โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 37 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 34 โครงการ  มูลค่า 32,700 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวม 41,000 ล้านบาท และกำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท

 

โดยในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ด้วยความมั่นคง และยั่งยืน เตรียมบุกหนักในโครงการภูมิภาคต่างๆ ในจังหวัดใหม่ๆที่มีทำเลศักยภาพและมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันศุภาลัยพัฒนาโครงการครอบคลุม 28 จังหวัด โดยในปี 2566 เสริมความแข็งแกร่งพัฒนาโครงการใหม่ใน 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ลำปาง ลำพูน นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรี 

 

นอกจากนี้บริษัทมีรแผนในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อการให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ เช่น Supalai Sabai แอปพลิเคชันที่ช่วยให้ลูกบ้านศุภาลัยใช้ชีวิตในบ้านได้สบายยิ่งขึ้น Supalai Privilege คัดสรรสิทธิพิเศษใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกบ้าน Supalai Care เป็นบริการให้คำแนะนำลูกค้าสำหรับการใช้งานที่ถูกต้องในบ้านและคอนโดมิเนียม 

 

รวมถึงผนึกพันธมิตรธุรกิจ เช่น เอสซีจี ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และติดตั้งโซลาร์รูฟในโครงการของศุภาลัย ร่วมกับธนาคารกสิกรไทยในโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างต่อเนื่อง นำร่องโครงการแรกที่ ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ รังสิต คลอง 2 ร่วมกับทรู ดิจิทัล  ติดตั้ง Smart Residence 40 โครงการทั่วประเทศ และร่วมกับชาร์จ ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า ติดตั้ง EV Charger เป็นต้น  

 

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรวมได้ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 28,000 ล้านบาท ทำให้ตัวเลขยอดขายพุ่งทะยานสูงถึง 32,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ทำได้ 24,069 ล้านบาท โดยเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม 31 โครงการ มูลค่ารวม 37,800 ล้านบาท 

 

แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 28 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 10 โครงการ, ภูมิภาค 18 โครงการ)  และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 2 โครงการ, ภูมิภาค 1 โครงการ)  จากความสำเร็จด้านยอดขายมีผลอันเนื่องมาจากบริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถเปิดตัวโครงการใหม่ในแต่ละจังหวัดโดยมีการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี สินค้ามีความหลากหลาย และตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย