posttoday

ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ขับเคลื่อนแบรนด์ ”ชามา” ขึ้นผู้นำเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

26 พฤศจิกายน 2565

กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ธุรกิจในเครือกลุ่มบริษัทอิตัลไทย คว้าโอกาสท่องเที่ยวฟื้น-ต่างชาติย้ายฐาน ขับเคลื่อนแบรนด์ ”ชามา” ขึ้นผู้นำเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หวังปักหมุด 15 แห่ง ภายใน 3 ปี พร้อมเปิดรับพันธมิตรร่วมลงทุน ย้ำจุดเด่นมีศักยภาพสูงในการสร้างกำไร

นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้  เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งแต่ละประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง ส่งผลให้นักธุรกิจต่างประเทศย้ายฐานเข้ามาพำนักในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากอาเซียนมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในภูมิภาค

 

“แม้ในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ในภาพรวมของตลาดทั่วโลกกลับได้รับผลกระทบน้อย โดยยังเติบโตได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% สำหรับประเทศไทยเองปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 50%  โดยเฉพาะกับกลุ่มตลาดบนที่เป็นนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาทำงานและพำนักในประเทศไทย ซึ่งที่พักแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี” นายยุทธชัย กล่าว

 

สำหรับธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “ชามา” (Shama) กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ได้ซื้อกิจการจากบริษัทในฮ่องกงมาตั้งแต่ปี 2553 และขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและอีกหลายประเทศ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการในประเทศไทยแล้ว 6 แห่ง ได้แก่ 1.ชามา สุขุมวิท กรุงเทพฯ 2.ชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ 3.ชามา สุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ 4.ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ 5.ชามา เพชรบุรี 47 กรุงเทพฯ และ 6.ชามา เอกมัย กรุงเทพฯ รวมทั้งยังมีอีก 10 แห่งในฮ่องกงและจีน

 

ทั้งนี้กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ เล็งเห็นโอกาสการขยายธุรกิจในไทยรองรับกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาพำนักระยะยาวเพื่อทำงาน รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวไทยที่ต้องการพักในระยะสั้น 5-14 วัน ที่ให้ความสำคัญกับทำเลที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวก คุณภาพ บริการและความปลอดภัย โดยที่พักที่มีแบรนด์เป็นที่รู้จักจะมีความได้เปรียบในจุดนี้ แต่ตลาดในประเทศไทยส่วนใหญ่จะยังไม่มีแบรนด์ นี่จึงเป็นโอกาส

 

อีกทั้งมองว่ากรุงเทพฯ ยังมีหลายทำเลที่มีศักยภาพในการทำเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เช่น อารีย์ พระโขนง เอกมัย อ่อนนุช พระราม 3 เป็นต้น ซึ่ง “ชามา” มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มในไทยอีก 9 แห่ง จาก 6 แห่งในปัจจุบัน ให้เป็น 15 แห่งภายในปี 2568 และยังมองการลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง อาทิ มาเลเซีย ขณะเดียวกันมีแผนที่จะขยายการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่สนใจ

 

เนื่องจากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มีจุดเด่นที่ต้นทุนบริหารจัดการค่อนข้างต่ำทำให้มี Gross Operation Profit ระดับ 60 – 70% จึงเป็นโอกาสสำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการปรับปรุงและเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์เพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้น รองรับโอกาสทางธุรกิจที่กำลังฟื้นตัว

 

นายยุทธชัย ยังกล่าวว่า กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ พร้อมเปิดรับพันธมิตรและนักลงทุนที่สนใจทำธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “ชามา” โดยจะให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งสถานที่ จนถึงการบริหารจัดการงานบริการ วางแผนการตลาด จัดหาฝึกอบรมพนักงาน และเชื่อมต่อด้านการตลาดร่วมกับเครือข่ายธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน

 

โดยปัจจุบัน “ชามา” มีการบริหารจัดการ 3 รูปแบบ คือ 1.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ลงทุนเองทั้งหมด 2.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ บริหารร่วมกับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ (สร้างใหม่) และ 3.กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ บริหารร่วมกับเจ้าของเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์เดิมที่ต้องการรีแบรนด์ หรือ ปรับปรุงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ

 

ทั้งนี้ กลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ เป็นบริษัทในเครืออิตัลไทย ดำเนินธุรกิจด้านบริหารจัดการโรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และสปาชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประกอบด้วย 3 แบรนด์หลัก คือ อมารี โอโซ่ และชามา ที่มีสาขาครอบคลุมทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง มัลดีฟส์ บังกลาเทศ และสปป.ลาว