posttoday

คอนโดเมืองนนท์ฟื้นตัวได้แรงหนุนเชื่อมรถไฟฟ้าม่วง-น้ำเงิน

09 มิถุนายน 2561

ไนท์แฟรงค์ ชี้เชื่อม ต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง-น้ำเงิน หนุน คอนโดนนทบุรี เปิดตัวช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ 2,000 ยูนิต ขายออกกว่าพันยูนิต เสนาฯเดินหน้าผุดโครงการ

ไนท์แฟรงค์ ชี้เชื่อม ต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง-น้ำเงิน หนุน คอนโดนนทบุรี เปิดตัวช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ 2,000 ยูนิต ขายออกกว่าพันยูนิต เสนาฯเดินหน้าผุดโครงการ
 
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม จ.นนทบุรี โดยเฉพาะบริเวณถนนติวานนท์ปรับตัวดีขึ้น หลังจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินมีการเชื่อมต่อเมื่อเดือน ส.ค. 2560 จะเห็นได้ว่าโครงการที่เปิดขายใหม่ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนกว่า 2,000 ยูนิต สามารถทำยอดขายได้แล้ว กว่า 1,000 ยูนิต จากในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขายได้เฉลี่ย 400-500 ยูนิต จึงแสดงให้เห็นว่าอุปสงค์และอุปทานในตลาด คอนโดนนทบุรีเริ่มปรับตัวดีขึ้น

ด้าน น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวถึงผลกระทบจากร่างผังเมืองนนทบุรีที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงและเตรียมประกาศใช้นั้น เป็นที่น่าจับตามองว่าอาจจะส่งผลให้ตลาด ที่อยู่อาศัยใน จ.นนทบุรี ได้ เนื่องจากจะจำกัดการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ทั้งแนวสูงและแนวราบ

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียม นิช โมโน ติวานนท์ จำนวน 526 ยูนิต มูลค่า 1,400 ล้านบาท ห่างจากสถานีเอ็มอาร์ที สายสีม่วง บริเวณสถานีกระทรวงสาธารณสุขราคาขายเฉลี่ย 9.6 หมื่นบาท/ตารางเมตร หรือเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท โดยโครงการได้ผ่านการ จัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โดยจะเริ่มเปิดขายพรีเซลในช่วงเดือน ส.ค.นี้

สำหรับยอดขายช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ราว 5,600 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีนี้จำนวน 1.03 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 5,000 ล้านบาท จากการเปิดขาย 4 โครงการใหม่ และยอดขายโครงการเดิมที่มีอยู่ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดอีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 10 โครงการ

นอกจากนี้ การร่วมทุนกับฮันคิว เรียลตี้ พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นในปีนี้จะพัฒนาอย่างน้อย 4 โครงการ โดยที่บริษัทได้เซ็นสัญญาการร่วมกันพัฒนาโครงการกับพันธมิตรญี่ปุ่น 3 โครงการ ที่จะพัฒนาภายในปีนี้และจะเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 4 โครงการ รวมโครงการที่จะพัฒนากับพันธมิตรญี่ปุ่นที่เซ็นสัญญาพัฒนาร่วมกันในปีนี้จะมีจำนวน 7 โครงการ

ด้านรายได้ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 6,200 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 5,900 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโซลาร์จำนวน 300 ล้านบาท โดยที่รายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย ส่วนมูลค่ายอดขายรอโอนหรือแบ็ก ล็อก ปัจจุบันอยู่ที่ 6,780 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังราว 2,400 ล้านบาท และรับรู้ไปจนถึงปี 2562 โดยยอดแบ็ก ล็อก ส่วนใหญ่จะโอนเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวน 4 โครงการที่เริ่มโอน