ธนัญกรณ์ แฟรงญ์ นามญ์ บ้านทาวน์โฮมแห่งความสุข

โดย...ภาดนุ ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ธนัญกรณ์ แฟรงญ์ นามญ์ หรือ แฟรงญ์ หนุ่มวัย 30 ปี ทำงานในตำแหน่งฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement Specialist) ของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตเปิดบ้านทาวน์โฮม ซึ่งอยู่ในโครงการบ้านกลางเมือง ซอยลาดพร้าว 71 ต้อนรับเราด้วยอัธยาศัยไมตรีที่เป็นกันเอง

“บ้านหลังนี้ผมซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 21 ตร.ว. แต่พื้นที่ใช้สอยจริงๆ รวมทั้ง 3 ชั้นน่าจะประมาณ 100 ตร.ม. ได้ครับซึ่งกว่าจะแต่งเสร็จและย้ายเข้ามาอยู่ได้ก็ปาเข้าไปเดือนเม.ย. 2558 ที่ผ่านมา สรุปแล้วคือเพิ่งย้ายมาอยู่ได้แค่6 เดือนเองครับ”

แฟรงญ์ บอกว่า การตกแต่งบ้านของเขาไม่มีสไตล์ที่ชัดเจน จะเรียกว่าเป็นการมิกซ์แอนด์แมตช์สไตล์ตามใจเจ้าของบ้านก็ไม่ผิดนัก เพียงแต่เลย์เอาต์ทุกอย่างจะถูกวางให้เหมาะสมตามหลักฮวงจุ้ยที่ตัวเขาพอจะมีความรู้อยู่บ้าง

 

“ที่ผมตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้เป็นเพราะหน้าบ้านหันไปทางทิศใต้ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ 180 องศา การที่บ้านหันไปทางทิศใต้นั้น ถ้านับแบบคนจีนแล้วจะมั่งมีในเรื่องทรัพย์ลมพัดเข้าบ้านได้ดี ผมจึงต้องทำพาร์ทิชั่นมากั้นกระแสลมที่พัดเข้ามาในบ้าน เพื่อให้ลมไหลเวียนอยู่ก่อนเพื่อความโชคดี จะไม่ให้ลมพัดออกไปทันที เดี๋ยวทรัพย์จะไหลออกไปตามลม” (หัวเราะ)

แฟรงญ์ เสริมว่า ที่ต้องใช้หลักฮวงจุ้ยเข้ามาช่วยเนื่องจากโดยปกติแล้วบ้านทาวน์โฮมส่วนใหญ่มักจะสร้างไม่ค่อยถูกหลักฮวงจุ้ยสักเท่าไร ซึ่งตามหลักแล้วถ้ามองจากหน้าบ้านแล้วเห็นทะลุถึงหลังบ้าน นั่นคือผิดหลักฮวงจุ้ย

“อย่างมุมโปรดมุมแรกของผมคือห้องครัว ผมจะใช้พาร์ทิชั่นและทำผนังกระจกเงาไว้ด้านหนึ่ง ทำให้มุมนี้ดูกว้างขึ้น ดูเป็นดับเบิ้ลสเปซ มุมนี้จึงเป็นได้ทั้งห้องกินข้าว ห้องทำงาน และห้องสังสรรค์กับเพื่อนถ้าสังเกตโต๊ะ เก้าอี้ จะเป็นสไตล์โมเดิร์น พาร์ทิชั่นหรือฉากกั้นเป็นสไตล์โคโลเนียล เรียกว่าผสมผสานตามหลักฮวงจุ้ยและการใช้สอยเป็นหลัก”

มุมโปรดอีกมุมหนึ่งของแฟรงญ์ก็คือ ห้องรับแขกซึ่งเปิดประตูบ้านมาก็เจอเลย มุมนี้ตกแต่งด้วยโทนสีเอิร์ทโทน โดยใช้โซฟาสีเทา กำแพงสีดำ และตู้เก็บเครื่องดื่มสีน้ำตาลเข้ม

 

“ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นคนชอบดริงก์ (หัวเราะ)แต่มักจะไม่ค่อยไปนั่งตามร้านสักเท่าไร ก็เลยจัดมุมหนึ่งของห้องรับแขกเป็นมุมเครื่องดื่มซะเลย ซึ่งก็ดูสวยงามและยังสามารถชวนเพื่อนๆ มาสังสรรค์ได้โดยไม่ต้องกังวลใจว่าร้านจะปิดกี่โมง

มุมนี้ก็ตกแต่งแบบผสมผสานอีกเหมือนกัน แต่ผมก็จ้างช่างทำเป็นลิ้นชักคล้ายตู้ยาที่ผนังเพื่อให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้น โดยมีช่องที่เปิดเป็นลิ้นชักออกมาเก็บทรัพย์สินได้ ส่วนผนังห้องรับแขกส่วนที่ติดกระจกนั้นก็เพื่อให้เกิดการสะท้อนสร้างมิติให้ห้องนี้ดูใหญ่ขึ้นเวลานั่งเล่นที่มุมนี้ผมจะเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ ฟังไปด้วยก็มีความสุขแล้ว”

นอกจากชั้น 1 ของบ้านแล้ว ที่ชั้น 2 จะถูกจัดให้เป็นห้องพระ ส่วนที่ชั้น 3 จะแต่งให้เป็นห้องนอนและห้องแต่งตัวที่บิลต์อินในสไตล์วอล์ก อิน คลอเซ็ต เอาไว้เก็บเสื้อผ้าและเครื่องแต่งตัวอื่นๆ ซึ่งเจ้าของบ้านก็บอกว่าชอบอีกเช่นกัน เพราะสามารถจัดเรียงไล่เฉดสีและจัดประเภทของเสื้อผ้าได้เยอะดี

“ผมว่านิยามคำว่าบ้านสำหรับตัวผมก็คือ สถานที่ที่เรากลับมาแล้วรู้สึกมีความสุข เพราะไม่มีที่ไหนที่รู้สึกดีเหมือนบ้านเรา ที่กลับมาแล้วอุ่นใจ แถมยังชวนเพื่อนๆ ให้มาปาร์ตี้ที่บ้านได้อีกด้วย ไม่ต้องไปนั่งตามร้านให้เปลืองเงิน เปิดเพลงมันๆ ฟังกันไป เมาท์กันไป แค่นี้ผมว่าก็แฮปปี้ที่สุดแล้วครับ”