ฐิตินันท์ เกียรติไพบูลย์ กับบ้านหรูสไตล์โมร็อกคัน-สแปนิช
ฐิตินันท์ เกียรติไพบูลย์ หรือก้อย เวิร์กกิ้งวูแมนคนเก่งซึ่งเป็นทั้งทนายความ เป็นโปรเจกต์ คอนซัลแทนต์ ให้กับบริษัทอื่นๆ
โดย...ภาดนุ ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
ฐิตินันท์ เกียรติไพบูลย์ หรือก้อย เวิร์กกิ้งวูแมนคนเก่งซึ่งเป็นทั้งทนายความ เป็นโปรเจกต์ คอนซัลแทนต์ ให้กับบริษัทอื่นๆ เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท โปร์ ไฟว์ ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เป็นหุ้นส่วนของค่ายมวย เลเจนด์ ไทย บ๊อกซิ่ง ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับออกกำลังกายด้วยการชกมวย และยังเป็นคุณแม่ลูกสอง (ยังสาว) ที่ดูแลลูกๆ ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“แต่ก่อนนี้ดิฉันเป็นคนที่ติดการทำงานมาก จะเรียกว่า Workaholic เลยก็ว่าได้ แต่พอมีลูกสองคน คือคนโตอายุ 4 ขวบ และคนเล็กที่เพิ่งอายุได้ 7 เดือน ดิฉันจึงต้องแบ่งเวลาครึ่งหนึ่งเพื่อดูแลลูกๆ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเพื่อทำงาน ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าสามารถบาลานซ์ชีวิตได้ดีพอสมควร”
ก้อยเล่าว่า ก่อนที่จะสร้างบ้านหลังนี้ เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ดินเปล่าของหมู่บ้านพหลโยธินพาร์ค ซึ่งอยู่ในซอยพหลโยธิน 14 ที่สามีของเธอซื้อทิ้งไว้ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้อยู่ด้านในสุด ตอนออกแบบเขียนแปลนบ้านจึงโชคดีที่ไม่ต้องทำตามสเปกที่โครงการนี้กำหนดไว้เป๊ะๆ เหมือนกับบ้านหลังอื่น เพียงแต่ว่าหลังคาบ้านต้องทาสีเขียวเพื่อให้รับกับความร่มรื่นของต้นไม้บริเวณนี้ที่มีอยู่มากมาย กับโทนสีภายนอกบ้านที่ต้องทาให้กลมกลืนกับบ้านหลังอื่นก็เท่านั้น
“เนื่องจากสามีดิฉันชอบบ้านสไตล์โมร็อกคันและสแปนิชเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งทั้งสองสไตล์นี้จะมีกลิ่นอายที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ มีมู้ดแอนด์โทนของความดิบแฝงอยู่นิดๆ เขาจึงให้ช่างออกแบบบ้านหลังนี้อยู่เกือบปี เพราะรายละเอียดของบ้านค่อนข้างเยอะ เช่น ความสูงของเพดาน บันไดวน ระเบียงสำหรับนั่งเล่น สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ฯลฯ และต้องใช้เวลาสร้างอีก 3-4 ปีกว่าบ้านจะเสร็จ เพราะรูปแบบการก่อสร้างและดีเทลต่างๆ ของบ้านต้องใช้แรงงานจากฝีมือช่างล้วนๆ
การตกแต่งภายในตัวบ้าน เราโชคดีมากที่ได้อินทีเรียร์ดีไซเนอร์ฝีมือดี มู้ดแอนด์โทนและสไตล์ของบ้านจึงออกมาตรงใจและคุ้มค่าที่รอคอย ครอบครัวเราย้ายเข้ามาอยู่ได้เกือบ 2 ปีแล้วค่ะ บ้านหลังนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 150 ตร.ว. ตัวบ้านมีสองชั้นครึ่ง ครึ่งชั้นข้างบนที่เหลือเราทำเป็นห้องพระห้องยาวซึ่งจัดไว้สวยงาม บ้านหลังนี้มีเพดานบ้านสูงโปร่ง อยู่แล้วรู้สึกร่มรื่นเย็นสบายดีค่ะ”
เมื่อถามถึงมุมโปรด เจ้าของบ้านบอกว่ามีอยู่ด้วยกันสองมุม “มุมแรกคือระเบียงซึ่งอยู่ข้างๆ สระว่ายน้ำ มุมนี้เป็นมุมที่ดิฉันชอบมานั่งอ่านหนังสือ นั่งจิบชาสบายๆ พาลูกๆ มานั่งเล่นและพักผ่อน หากมีญาติมาก็สามารถนั่งคุยกันตรงนี้ได้เหมือนกัน หรืออาจจะมานั่งวาดรูปก็ได้ ถ้าสังเกตดีๆ มุมนี้จะมีอุปกรณ์วาดรูปอยู่ด้วย ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวจะยิ่งดีมาก เพราะสามารถมานั่งดื่มไวน์แบบชิลๆ ตรงระเบียงนี้ได้เลย
อีกมุมก็คือห้องนั่งเล่น ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลและสีครีม โดยใช้ไฟดาวน์ไลต์สีส้มที่นุ่มนวลสายตา มีตู้วางหนังสือและของตกแต่งตั้งโชว์ไว้ มุมนี้จะมีโต๊ะไม้ที่มีลิ้นชักซึ่งสามารถเปิดออกมาได้ ดิฉันจะมานั่งเล่นเกมกับลูกชายคนโตเป็นประจำ บางครั้งก็จะอ่านหนังสือตรงมุมนี้บ้าง ด้วยความที่เราเป็นนักกฎหมาย ตามชั้นหนังสือจึงมีหนังสือกฎหมาย รวมทั้งหนังสือหายากทั้งไทยและต่างประเทศที่เก็บสะสมไว้วางเรียงรายอยู่”
ก้อยทิ้งท้ายว่า นิยามคำว่าบ้านแสนสุขสำหรับเธอนั้น บ้านคือสถานที่ที่อยู่อาศัยแล้วต้องรู้สึกอบอุ่น เป็นที่ที่รวบรวมความรักความผูกพันของทุกคนในครอบครัวเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยภายในที่สำคัญมาก ส่วนปัจจัยภายนอกที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือความสะอาด เพราะความสะอาดจะทำให้บ้านน่าอยู่ ทั้งพื้นบ้าน ระเบียงบ้าน จะต้องสะอาดเอี่ยม ภายในบ้านต้องมีความเป็นระเบียบและต้องไม่รก นี่แหละคือบ้านแสนสุขที่น่าอยู่ที่สุด


