ทุ่ม150ล.อวดโฉมตลาดนัดสวนศรี

แลนด์ลอร์ด กลุ่มสีทันดรบ้านและที่ดิน เจ้าของสนามกอล์ฟศรีนครินทร์ ทุ่ม 150 ล้าน ลุยพัฒนาตลาดนัดสวนศรี 22 ไร่  ติดซีคอนสแควร์  รับดีมานต์พุ่งคาดคืนทุนภายใน 3 ปี

ภาพบรรยากาศตลาดนัดสวนศรี

นายสุนันท์ เตียนโพธิทอง กรรมการบริหาร บริษัท  สีทันดรบ้านและที่ดิน ผู้ดำเนินธุรกิจสนามศรีนครินทร์กอล์ฟและโครงการตลาดนัดสวนศรี เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่จะพัฒนาที่ดินต่อจากสนามกอล์ฟศรีนครินทร์จึงได้นำที่ดินจำนวน 22 ไร่ มาพัฒนาเป็นตลาดนัดสวนศรี  ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ โดยได้เริ่มเปิดให้บริการเดือนก.พ. 2555  และเปิดอย่างเป็นทางการเดือน มี.ค. 2555

“กำลังซื้อในย่านพัฒนา ศรีนครินทร์ นั้นมีสูงเนื่องจากมีโครงการที่อยู่อาศัย เกิดขึ้นเยอะ และมีการปรับปรุงหนทางที่มีการดึงดูดโครงการ ใหม่ให้เข้ามาลงทุนมาก จึงทำให้การนำที่ดินในย่านศรีนครินทร์โดยเฉพาะในแปลงนี้ซึ่งอยู่ติดกับศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ มีศักยภาพ  ซึ่งโครงการนี้บริษัทได้ลงทุนค่าก่อสร้าง 150  ล้านบาท หากรวมกับค่าที่ดิน 22 ไร่จะมีมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท“ นายสุนันท์กล่าว

ทั้งนี้ตลาดนัดสวนศรี ได้ก่อสร้างในรูปแบบ โมเดิร์นผสมวินเทจ  แบ่งพื้นที่การพัฒนาออกเป็น 12 ไร่ เป็นพื้นที่ร้าน  อีก 10 ไร่ เป็นพื้นที่จอดรถ  โดยแบ่งรูปแบบร้านค้านั้น แบ่งการพัฒนาออกเป็น  5 โซน  ประกอบด้วย โซนสินค้าแฟชั่น ซึ่งถือเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ในศูนย์ คิดเป็น 35%  ของตกแต่งบ้านและสวน ต้นไม้  สัตว์เลี้ยงและอาหาร รวม 600 ร้านค้า ขณะนี้มีผู้เช่าพื้นที่แล้ว 80%  ซึ่งคิดค่าเช่าในโซนต้นไม้ขนาด 16 ตร.ม. คิดเริ่มต้น 600 บาทต่อเดือน   ส่วนในโซนแฟชั่นคิดอัตราเช่าเริ่มต้นที่ 750 บาท ต่อขนาดเริ่มต้น 7 ตร.ม. ต่อเดือนเป็นต้น โดยทำสัญญาเช่าเป็นปีต่อปี ไม่มีการขายขาดในรูปแบบเช่าเซ้ง

ปัจจุบันตลาดนัดสวนศรีมีผู้มาเดินเฉลี่ยหลักร้อยคนต่อวัน ซึ่งขณะนี้บริษัทฯได้เร่งจัดกิจกรรมการตลาดมากขึ้นเพื่อให้คนมาเดินในตลาดมากขึ้นเป็นหลักพันคนต่อวัน โดยจะเน้นจัดกิจกรรมทางการตลาดมากขึ้นเฉลี่ยเดือนละ  2 ครั้ง เช่นกิจกรรมทางสัตว์เลี้ยง การจัดประกวดเต้น  บนลานกิจกรรมเนื้อที่ 3,000 ตร.ม. ซึ่งตั้งอยู่ภายในเนื้อที่ 12 ไร่ ของโซนร้านค้า 

สำหรับธุรกิจสนามศรีนครินทร์กอล์ฟ ซึ่งเป็นสนามไดร์กอล์ฟ อยู่ติดกับตลาดนัดสวนศรี  ซึ่งเปิดให้บริการมานาน 18 ปี  ว่าหลังจากรัฐบาลมีนโยบายปรับค่าจ้างแรงขึ้นเป็น 300 บาท ต่อวัน ทำให้หลังจากนี้ ต้องปรับราคาค่าบริการในสนามกอล์ฟขึ้นอีกอย่างน้อย  10-20%  จากปัจจุบันการไดร์ฟกอลฟ์ต่อครั้งการให้บริการจะอยู่ที่ 150 บาทต่อ 1 ชั่วโมง และ 200 บาทต่อ  2 ชั่วโมง   ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯได้ให้บริการในรูปแบบเหมาจ่ายเมื่อซื้อบัตรซ้อมไดร์กอล์ฟ ในราคา 1,000 บาท  ซี่งผู้ซ้อมไดร์ฟจะได้ส่วนลดอีก 10% ขณะนี้มีลูกค้าสนใจซื้อบัตรรูปแบบดังกล่าวแล้ว 600-700 ราย

นายสุนันท์ กล่าวว่าบริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะนำที่ดินมาพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบโครงการแนวราบหรืออาคารชุด เนื่องจากทางกลุ่มไม่มีความชำนาญ อีกทั้งการลงทุนในรูปแบบสนามไดร์ฟกอล์ฟ และตลาดนัด นั้นถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำกว่าการลงทุนอสังหาฯในรูปแบบอื่น