posttoday

เปิด 4 กลยุทธ์เอพี บุกอสังหาทุกเซ็กเมนต์

18 มีนาคม 2562

การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องเร่งปรับตัวในทุกด้าน

การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องเร่งปรับตัวในทุกด้าน เนื่องจากจะพึ่งรายได้ที่มาจากการขายเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้อีกต่อไป จำเป็นต้องมองหาธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำระยะยาวมาเสริมรายได้จากการขาย

วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้เผชิญกับความท้าทายเป็นอย่างมาก ทั้งจากเศรษฐกิจโลกและความผันผวนของเศรษฐกิจภายในประเทศจากนโยบายภาครัฐต่างๆ ส่งผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะการหาซื้อที่ดินยากและมีราคาแพงมากขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัย 4 ที่ยังมีความต้องการและยังมีโอกาสเติบโตในทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แผนธุรกิจของบริษัทจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกแบรนด์สินค้าและเน้นไปที่ความคุ้มในราคาที่จับต้องได้หรือ Premium Affordable

ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการดำเนินของบริษัทจะมุ่ง 4 มิติ ประกอบด้วย

1.การเปิดตัวโครงการครบ 9 แบรนด์ ในทุกเซ็กเมนต์ ตอกย้ำความเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยไฮไลต์สำคัญในไตรมาสแรก คือ การเปิดตัวโครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท คอนโดในกลุ่มไฮเอนด์บนทำเลเอกมัย มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท จำนวน 303 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท (เริ่มต้น 1.8 แสนบาท/ตร.ม. เฉลี่ย 2. 1 แสนแสนบาท/ตร.ม.) โดยจะเปิดจองในงาน Vertical World ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน วันที่ 21-24 มี.ค.นี้

2.สร้างความแตกต่างด้วยสินค้าที่ตอบความต้องการของคนทุกช่วงชีวิต ด้วยเล็งเห็นถึงรูปแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายและต่างไปจากเดิม จึงออกแบบและจัดวางพื้นที่ในตัวบ้านและพื้นที่ส่วนกลางให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของครอบครัวคนรุ่นใหม่ รองรับการอยู่อาศัยของคนหลากหลายรุ่น ได้แก่ ออกแบบให้พื้นที่ในทุกๆ ตารางนิ้วสอดคล้องกับการใช้งานจริง การสร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยทุกวัยเชื่อมต่อกันได้ในสังคม และสังคมรอบข้างอย่างมีคุณภาพ และการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับ

3.ผสานกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยกระดับคุณภาพคอนโดมิเนียม ด้วย “AI BIM” (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ ที่ช่วยเพิ่ม
ความแม่นยำในกระบวนการทำงาน และมีจุดเด่นในการบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกในที่พักอาศัย (Facility Management) หลังจากส่งมอบโครงการ โดยในปีนี้ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้แบบครบวงจรในการพัฒนาคอนโดไฮไรส์ทุกโครงการ

4.ต่อยอดความแข็งแกร่งของ BC และ SMART ช่วยให้เอพีก้าวไปสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างครบวงจร โดยในปีนี้บีซี (BC) ซึ่งเป็นบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เอเย่นต์ พร้อมรุกต่อในตลาดที่เป็นเมืองรองในต่างประเทศ อาทิ คุนหมิง หนานจิง ซีอานในจีน และโอซากา ฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น

เปิด 4 กลยุทธ์เอพี บุกอสังหาทุกเซ็กเมนต์

นอกจากนี้ยังรุกธุรกิจสมาร์ท (SMART) บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ ที่เตรียมเปิดตัวสมาร์ทแพลตฟอร์มเพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตและประสบการณ์การอยู่อาศัยของกว่า 5.5 หมื่นครัวเรือนกว่า 200 โครงการ ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะโครงการในเครือของเอพี

ภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจแนวราบ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัย บริษัทจึงออกแบบบ้านให้สอดรับกับความต้องการเหล่านั้น เน้นการนำนวัตกรรมทางความคิดในการออกแบบที่อยู่อาศัยมาใช้ให้เกิดเป็นบ้านกลางเมืองและพลีโน่โมเดลใหม่ปี 2019 ตอบสนองความเป็นปัจเจกของแต่ละครอบครัว รวมทั้งการปรับพื้นที่ใช้สอยภายในใหม่ทั้งหมด

ทั้งฟังก์ชั่นรองรับการอยู่ร่วมกันของครอบครัวใหญ่ 2-3 เจเนอเรชั่น ที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้แบบเต็มพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางพื้นที่สีเขียวขนาดเล็กเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อเพิ่มความร่มรื่น โดยที่ผู้อยู่อาศัยไม่ต้องเสียเวลามากในการดูแล โดยเตรียมเปิดตัวบ้านกลางเมือง ไฮเอนด์ทาวน์โฮม 3 ชั้น และพลีโน่ พรีเมียมทาวน์โฮม 2 ชั้น

พร้อมกันนี้ยังพัฒนาบ้านเดี่ยวทุกแบรนด์ อาทิ THE PALAZZO, THE CITY และ CENTRO ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมสเปซที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการของทุกช่วงชีวิตแล้ว ในปีนี้ได้นำร่องยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ส่วนกลาง โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง และวอเตอร์ รีไซเคิล ซิสเต็มส์ ระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ในพื้นที่สวนของโครงการ ซึ่งการรุกตลาดแนวราบนั้นจะขยายทำเลให้ครอบคลุมทุกทำเล เช่น ย่านดอนเมือง วัชรพล พหลโยธิน สวนหลวง ราชพฤกษ์ อ่อนนุช พระราม 2 สายไหม เป็นต้น

กลยุทธ์ทั้งหมดนี้จะผลักดันยอดขายของบริษัทในปีนี้ให้เข้าเป้า 4.18 หมื่นล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 39 โครงการ มูลค่ารวม 5.68 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.2 หมื่นล้าน บาท แนวราบ 34 โครงการ มูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่เป้าหมายรายได้รวมโครงการร่วมทุนปีนี้ไว้ที่ 3.59 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 10 มี.ค. 2562 บริษัทมีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ากว่า 5.5 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม (100% JV) มูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดเอพี มูลค่า 3,490 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ทั้งหมดในปีนี้ และเป็นโครงการร่วมทุนมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 7,738 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566