posttoday

จับเทรนด์อสังหา รับผู้บริโภคยุคใหม่

21 กันยายน 2561

ที่อยู่อาศัยในยุคดิจิทัล มีความต้องการที่หลากหลายท่ามกลางความสะดวกสบายครบครัน แล้วยังต้องการเทคโนโลยีนวัตกรรมมาเป็นจุดขายด้วย

เรื่อง..อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในยุคดิจิทัล แน่นอนว่าดีเวลอปเปอร์จะพัฒนาในรูปแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไป เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง มีความต้องการที่หลากหลายท่ามกลางความสะดวกสบายครบครัน ทั้งนี้นอกจากเรื่องของทำเล การออกแบบโครงการที่โดดเด่นแล้ว เรื่องของการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมกลายเป็นจุดขายในปัจจุบันเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

วิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการอาวุโส บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้มีการปรับตัวตามเทรนด์เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม โดย 5 เทรนด์ที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอสังหาฯ จากนี้ไป ได้แก่ สังคมไร้เงินสด เป็นเทรนด์ใหม่มาแรง ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ซึ่งต่อไปต้องเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินเพื่อรองรับการชำระค่าใช้จ่ายของลูกค้า

ทั้งนี้ เรื่องของเทคโนโลยีการบริการในบ้านที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายจนกลายเป็นเรื่องปกติของทุกคน โดยผู้ดีเวลอปเปอร์ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับลูกค้าและสามารถใช้ได้จริง เพราะเทคโนโลยีไปเร็ว

นอกจากนี้ พบว่ารสนิยมผู้บริโภคได้ยกระดับสินค้าและการบริการให้เป็นกลุ่มลักซ์ชัวรี่มากขึ้น รวมไปถึงการมองหาชีวิตที่ดีเข้าใกล้ธรรมชาติ เน้นสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น

ขณะที่งานบริการหลังการขายกลายมาเป็นเรื่องหลักในการตัดสินใจซื้อบ้าน ซึ่งเทรนด์นี้จะเห็นชัดที่สุดเพราะผู้บริโภคมีการใส่ใจในบริการหลังการขายที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อลดขั้นตอนที่ไม่สำคัญ แต่ก็ยังคงชอบการใส่ใจจากนิติบุคคลและพนักงานที่ให้บริการหลังการขาย

อย่างไรก็ดี จากเทรนด์ดังกล่าวนำสู่แผน 4 ยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ งานออกแบบให้โดดเด่นและแตกต่าง การสร้างความสุขที่ยั่งยืน การใช้นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ทุกรูปแบบ และการให้บริการดูแลลูกบ้านในระยะยาว

ด้าน วิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ในครึ่งหลังปี 2561 บริษัทยังคงเน้น 4 ยุทธศาสตร์หลักพร้อมต่อยอด โดยการเปิดตัวแคมเปญใหม่ คือ ความสุขมีตัวตน รวมไปถึงการปรับภาพลักษณ์ใหม่เพื่อต้องการสื่อสารให้สอดรับกับความทันสมัยของผู้บริโภค ขณะเดียวกันได้มีการปรับโฉมใหม่ของเว็บไซต์หลัก www.areeya.co.th ให้มีความทันสมัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วในการค้นหาข้อมูล เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังคงชูคอนเซ็ปต์เรื่องความสุขที่ยั่งยืนผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องของ Green and Clean ที่ชูความสมาร์ท 2 เรื่อง ได้แก่ สมาร์ทด้วยเทคโนโลยี Clean Air and Energy Saving โดยได้มีพาร์ตเนอร์ใหม่อย่างพานาโซนิค ที่จะมาช่วยเสริมด้านเทคโนโลยีคลีนลิฟวิ่งให้อากาศภายในบ้านปลอดโปร่ง สะอาด ปราศจากเชื้อโรค รวมถึงช่วยประหยัดพลังงาน และสมาร์ท ด้วยเทคโนโลยีควบคุมบ้านผ่านปลายนิ้วสัมผัส ด้วยระบบ Self-Managed Home Automation at Fingertips รวมถึงกิจกรรมรีไซเคิลเดย์ ที่ได้มีการพัฒนาระบบในรูปแบบของแอพพลิเคชั่น ที่ช่วยให้การคัดแยกขยะของลูกบ้านง่ายและสะดวกขึ้น จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก

พร้อมกันนี้มีแผนเปิด 8 โครงการ มูลค่ารวม 7,275 ล้านบาท ในครึ่งปีหลังจากแผนทั้งปีที่ 11 โครงการ ได้แก่ โครงการวิลเลจ บางนา ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โครงการโคโม่พรีโม่บางนา โครงการเดอะ คัลเลอร์ส บางนา และบางบัวทอง โครงการแมนดารีนา เอกมัย- รามอินทรา โครงการ คอนโดมิเนียมเอ สเปซ เมกะบางนา 2 โครงการเดอะ พาร์ที เกษตร-นวมินทร์ และโครงการ บุษบา บ้านเดี่ยวแห่งเดียวติดถนนเสรีไทย

ขณะที่ไฮไลต์คือ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแมนดารีนา เอกมัย-รามอินทรา เป็นทาวน์โฮม มูลค่า 950 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท โครงการเดอะพาร์ที เกษตร-นวมินทร์ เป็นโฮมออฟฟิศ มูลค่า 800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 11.9 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียมเอ สเปซ เมกะบางนา 2 เป็นโครงการต่อเนื่องจากเฟสแรก มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าบริษัททำสินค้าที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยยังเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นบ้านพร้อมอยู่ในสัดส่วน 70% และคอนโด 30%

สำหรับแผนปี 2562 นั้น บริษัทจะมีการเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง โดยไฮไลต์คือที่ดินตรงถนนราชดำริ ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของสถาบันสอนภาษาเอยูเอ ซึ่งแนวทางการพัฒนาจะเป็นที่พักอาศัย 50-60 ชั้น แบ่งเป็นโรงแรม 100 ห้อง และคอนโด มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท จะมีความชัดเจน 2-3 เดือน คาดจะเริ่มก่อสร้างได้ต้นปีหน้า

ด้านผลงานครึ่งปีแรกมียอดขายรวม 4,852 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายครึ่งปีหลังที่ 5,045 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีนี้จะมียอดขาย 1 หมื่นล้านบาท หรือโต 10% ตามเป้า ปัจจุบันมีสต๊อกคอนโดสร้างเสร็จพร้อมขายมูลค่าราว 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้จะเร่งขายให้ต่างชาติทั้งจีนและฮ่องกง 70%

“กำลังซื้อของกลุ่มกลาง-ล่างยังไปได้เรื่อยๆ อัตราการดูดซับแต่ละโซนต่างๆ กัน โดยยอดขายในกลุ่ม 2-4 ล้านบาท ไม่ได้ลดลง แต่ที่เห็นคือยอดปฏิเสธสินเชื่อยังสูง เช่น บางบัวทองมีถึง 40% บางนา 20%” วิศิษฎ์ กล่าว