posttoday

ชินวะชูนวัตกรรมรูเนะสุ เจาะอสังหาอาเซียน

26 กรกฎาคม 2561

ชินวะชูนวัตกรรมรูเนะสุ สร้างจุดขายโครงการร่วมทุนเร่งเครื่องทำตลาดทั้งในไทยและในภูมิภาคอาเซียน

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

ปัจจุบันต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นมีการลงทุนอสังหาฯ ในไทยสูงสุดราว 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องของโนฮาว เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ กลายเป็นจุดขายสำหรับโครงการร่วมทุนเหล่านี้
 
โทโมยาสุ ยามาเบะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า นอกจากบริษัทเป็นดีเวลอปเปอร์พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว บริษัท ชินวะ กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่นยังดำเนินธุรกิจคอนสตรัคชั่นและเป็นเจ้าระบบรูเนะสุ โดยมีนวัตกรรม ซิกมาบีม ซึ่งเป็นโครงสร้างลิขสิทธิ์พิเศษและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรูเนะสุ

ทั้งนี้ ความโดดเด่นของระบบ ดังกล่าว คือการปรับคานเป็นพื้นและปรับพื้นให้เป็นคาน ทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้น 25-40% หรือเฉลี่ยอยู่ 30% สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่น สามารถเก็บของไว้ที่บริเวณคานในความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร เพิ่มพื้นที่ใน ข้อจำกัดทางโครงสร้างได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมที่บริษัทจะนำมาทำตลาดในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน

สำหรับแผนการขยายตลาด บริษัทได้ลงทุนเครื่องจักรและจ้างโรงงานผลิต เบื้องต้นจะนำมาใช้ในโครงการเร็น สุขุมวิท 39 บนพื้นที่ราว 1.2 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบโดยจะต้องได้ตามมาตรฐานของญี่ปุ่น

โทโมยาสุ กล่าวว่า รวมทั้งจะขยายตลาดประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอรายละเอียดให้ทางหน่วยงานรัฐของแต่ละประเทศพิจารณา เพื่อออกใบอนุญาตจากนั้นดีเวลอปเปอร์ถึงสามารถนำไปพัฒนาโครงการได้

ด้าน วิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหาร บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ทางบริษัทยังมีแผนขยายตลาดระบบรูเนะสุ ในโครงการแนวราบ ผ่านทางกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านและ ดีเวลอปเปอร์ โดยขณะนี้มีเตรียมสร้างโชว์รูมเพื่อสร้างบ้านต้นแบบด้วยระบบดังกล่าวควบคู่กับการหาลูกค้า คาดจะได้ลูกค้าตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป

อย่างไรก็ดี แม้กลุ่มเป้าหมายคือ คอนโดในเมืองที่มีขนาด 20 กว่า ตร.ม. ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวที่ต่ำกว่า 250 ตร.ม. เพราะจะตอบโจทย์ความต้องการเนื่องจากได้พื้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการดำเนินการเฟสแรก จากนั้นมีแผนขยายไปยังกลุ่มออฟฟิศและคอมมูนิตี้เพิ่ม คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจาก กลุ่มเป้าหมายแม้ต้นทุนการก่อสร้างจะเพิ่มไม่เกิน 10% ก็ตาม

"การนำนวัตกรรมระบบรูเนะสุมา ทำตลาดในไทยและอาเซียนไม่ใช่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ แต่เป็นแผนของบริษัทอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องเงินที่จะมาพัฒนาโครงการไม่ใช่ปัญหา แต่เห็นว่าการจะสร้าง 10-20 โครงการทำได้ยากในเวลาระยะสั้น แต่มองเห็นโอกาสการเติบโตและความชัดเจนมากกว่าและที่สำคัญอยากให้ผู้บริโภคคนไทยได้สัมผัสนวัตกรรมดังกล่าว ทั้งนี้การสร้างฐานการผลิตในไทยจะทำให้สินค้าถูกลงและผู้บริโภคเข้าถึงได้" วิชัย กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อเข้ามาบริหารอาคารเช่า โดยเบื้องต้นได้นำร่องซื้อโครงการมา บริหารงานเช่าในรูปแบบญี่ปุ่นซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี โดยบริษัทจะนำมาใช้กับโครงการรูเนะสุ ทองหล่อ 5 และโครงการอื่นๆ ที่บริษัทพัฒนา รวมทั้งยังรับบริหารให้กับโครงการอื่นๆ ด้วย

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทได้จอยท์เวนเจอร์กับพรีแซ็งค์ ในโครงการเร็น สุขุมวิท 39 ซึ่งพรีแซ็งค์เป็นบริษัทอสังหาฯ ใหญ่ที่มีจำนวนยูนิตสร้างขายเป็นที่ 2 ของญี่ปุ่นจะมาช่วยเปิดตลาดแนวใหม่และบริหารการขายในส่วนของลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีระบบฐานข้อมูลลูกค้าอยู่แล้ว ทั้งนี้ พฤติกรรมของผู้ซื้อชาวญี่ปุ่นจะซื้อผ่านตัวแทนและราคาสินค้าที่มีความต้องการอยู่ที่ 5-10 ล้านบาท อย่างไรก็ดี สำหรับดีมานด์กำลังซื้อของคนญี่ปุ่นทั้งซื้อและเช่าในปีนี้คงที่ไม่เพิ่มขึ้น

วิชัย กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายลงทุนต่อเนื่องโดยมีแผนพัฒนาคอนโดปีละ 1-2 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท โดยปี 2562 วางงบซื้อที่ดินราว 2,000 ล้านบาท เน้นทำเลซีบีดีและรอยต่อ รวมทั้งแนวรถไฟฟ้า เช่น รัชดา พระราม 9 ฯลฯ

ส่วนแผน 5 ปี (2566) เตรียมลงทุนมูลค่า 7,000 ล้านบาท เพื่อเติบโตปีละ 30-40% โดยบริษัทพร้อมเปิดโอกาสร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์รายอื่นๆ สำหรับระบบรูเนะสุบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในประเทศไทยที่ 1-2 โครงการ หรือราว 1 หมื่น ตร.ม./โครงการ ส่วนยอดขายต่างประเทศมากกว่า 2 ตร.ม.ขึ้นไปในแต่ละประเทศ

ขณะที่แผนงานใน 10 ปีจากนี้พร้อมขยายธุรกิจอสังหาฯ ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจก่อสร้าง การพัฒนาโครงการ ธุรกิจบริการในการบริหารอาคารเช่า โดยใช้สัญญา 30 ปีเช่นเดียวกับบริษัทในญี่ปุ่นที่รับบริหารอาคารในพื้นที่ โอซากาและใกล้เคียงกว่า 5,000 ยูนิต ใน 88 ตึก