posttoday

เพอร์เฟคร่วม'เซกิซุย' ผนึกทุนญี่ปุ่นชูบ้านนวัตกรรม เพิ่มพอร์ตรายได้มุ่งเป้าผู้นำในปี'63

17 กรกฎาคม 2561

เพอร์เฟคฯ ผนึกทุนญี่ปุ่นชูระบบโมดูลาร์เจาะตลาดบ้านหรู พร้อมลุยยอดขายแตะ 1.55 หมื่นล้าน

เพอร์เฟคฯ ผนึกทุนญี่ปุ่นชูระบบโมดูลาร์เจาะตลาดบ้านหรู พร้อมลุยยอดขายแตะ 1.55 หมื่นล้าน

นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการขายที่ดินให้บริษัทรวมทุนทั้ง 3 บริษัท ประมาณ 4,000 ล้านบาท บริษัทจะได้กำไร 35% ของมูลค่าขายที่ดิน

ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัท เซกิซุย เคมิคอล จัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท พีเอฟ-เซกิซุย เจวี ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% และเซกิซุย เคมิคอล 49% เพื่อพัฒนาโครงการบ้านระดับบนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โมดูลาร์ การร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้บริษัทพัฒนาโครงการได้เร็วขึ้น

พร้อมกันนี้ ได้วางเป้าขึ้นเป็นผู้นำในตลาดบ้านหรูระดับบนภายในระยะ 3 ปีข้างหน้า (ปี 2563) วางเป้าจะมีส่วนแบ่งในตลาดบ้านระดับบนปีละ 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ข้อดีของการร่วมทุนนอกจากจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้แล้วยังลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ อีกทั้งยังได้ความแข็งแกร่งของพันธมิตรแต่ละรายมาสร้างจุดแข็งให้กับบริษัท

ด้าน นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะร่วมกันพัฒนาโครงการบ้านที่ก่อสร้างด้วยระบบ โมดูลาร์ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ 4 โครงการ 4 ทำเล ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา รามคำแหง แจ้งวัฒนะ และ รัตนาธิเบศร์ รวมจำนวน 74 ยูนิต มูลค่ารวม 2,230 ล้านบาท มีแบบบ้าน 4 แบบ ขนาดเริ่มต้น 255-475 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้น 25-60 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างและขายในปี 2562

สำหรับการก่อสร้างดังกล่าว แม้จะมีต้นทุนสูงกว่า 18% เมื่อเทียบกับการก่อสร้างทั่วไป แต่ถูกกว่าเมื่อหลายปีก่อนซึ่งต้นทุนสูงกว่าถึง 30% แต่ด้วยคุณสมบัติของระบบดังกล่าวจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ชื่นชอบเทคโนโลยีและนวัตกรรม

อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบระดับบนเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันลูกค้าระดับบนถือว่ามีความสามารถในการซื้อที่สูงและพึ่งพาสินเชื่อน้อยกว่าลูกค้าระดับล่าง โดยจะผลักดันสัดส่วนตลาดบ้านหรูอยู่ที่ 25% ในปี 2563

ด้านยอดขายในครึ่งปีแรกปีนี้นั้นทำได้ 8,800 ล้านบาท หรือโต 20-25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งนี้มีแผนเปิดโครงการอีก 15 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท จากแผนปีนี้เปิด 19 โครงการ มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท เป็นคอนโด 2 โครงการ และแนวราบ 17 โครงการ ในส่วนของคอนโดเตรียมเปิดแบรนด์ไอ-คอนโด 1 โครงการ บริษัทมั่นใจว่าจะมียอดขายตามเป้าอยู่ที่ 1.55 หมื่นล้านบาท