'พฤกษา'งัด5กลยุทธ์สู้ หวังรักษาแชมป์ธุรกิจอสังหาทุกประเภท

พฤกษารุกหนักชูทุก กลยุทธ์รับอสังหาฯ แข่งขันดุ หวังรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดดันรายได้5หมื่นล้าน

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง เปิดเผยว่า การแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯ นับวันทวีความรุนแรงขึ้น โดยบริษัทได้เร่งปรับตัว โดยได้ชู 5 กลยุทธ์สำคัญเพื่อรักษาผู้นำตลาด เริ่มจาก 1.บีทูบี หรือการแนะนำโครงการให้กับพนักงานบริษัทแต่ละองค์กรผ่านบริษัท โดยจะมีแคมเปญและส่วนลดพิเศษให้กับพนักงานบริษัทเหล่านั้น 2.พฤกษา เมมเบอร์ คือโปรแกรมสะสมแต้มแลกรางวัลให้กับพนักงานบริษัทหรือลูกค้าเก่าที่แนะนำลูกค้าใหม่ โดยจะเริ่มเดือน ส.ค.นี้

3.เดินหน้าโครงการวิน แบ็ก หรือการใช้กลยุทธ์เพื่อดึงลูกค้ากลับมา อาทิ กรณีที่ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินไม่ผ่านบริษัท จะร่วมกับแบงก์เพื่อทำให้ลูกค้า ได้รับสินเชื่อและโอนยูนิตได้ หรือกรณีลูกค้าเปลี่ยนใจยกเลิก รวมไปถึงลูกค้า ที่เคยแสดงความสนใจแต่ยังไม่ตัดสินใจจอง บริษัทจะใช้กลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการ ตัดสินใจอีกครั้ง

4.ดึงเซลเอเย่นต์จากจีนช่วยเร่งยอดขายต่างชาติ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับเอเย่นต์จีนบางรายเพื่อนำโครงการ คอนโดระดับกลาง-ล่างใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการขายเสนอขายกับผู้ซื้อ ชาวจีน 5.บริษัทเตรียมเปิดช่องทางการขายรูปแบบรีเซล เพื่อช่วยให้ลูกค้านำยูนิตในโครงการที่ซื้อไปแล้วนำกลับมาขายต่อ

สำหรับตลาดอสังหาฯ ไตรมาสแรกในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมียอดขายรวม 1.24 แสนล้านบาท โต 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าทั้งปีจะมียอดขายรวม 4.81 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% โดยไตรมาสแรกยอดขายที่โตสูงสุดคือคอนโด 39.6% คิดเป็นยอดขาย 7.1 หมื่นล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวเติบโต 18.5% เป็น 2.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ทาวน์เฮาส์มียอดขาย 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.6%

ทั้งนี้ ยอดขายของบริษัทในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 1.27 หมื่นล้านบาท ลดลง 4.6% โดยแบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 4,787 ล้านบาท (-7%) คอนโด 2,862 ล้านบาท (-15.4%) ส่วนบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 11% เป็น 2,459 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มสินค้าพรีเมียม (บ้านและคอนโดหรู) มียอดขาย 2,588 ล้านบาท เพิ่ม 1.2% ขณะที่ยอดรับรู้รายได้อยู่ที่ 8,352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% โดยมีกำไรสุทธิ 862 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% โดยวางเป้ายอดขาย 5.37 หมื่นล้านบาท เติบโต 24% จากปีก่อน และรับรู้ รายได้ 5.05 หมื่นล้านบาท โต 17% ณ สิ้นไตรมาสแรกมีแบ็กล็อกหรือยอดขายรอรับรู้รายได้รวม 3.13 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ปีนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท