posttoday

แม่น้ำเรสซิเดนท์ร่วมศึก มิกซ์ยูสริมเจ้าพระยา

08 พฤษภาคม 2561

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ยังเป็นที่ต้องการทั้งของผู้ซื้อชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุนระยะยาว

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ยังเป็นที่ต้องการทั้งของผู้ซื้อชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุนระยะยาว นอกเหนือจากย่านศูนย์การธุรกิจแล้วทำเลที่กำลังได้รับความนิยม คือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีการพัฒนากันมาก รวมทั้ง เดชา ตั้งสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม่น้ำ เรสซิเดนท์ เปิดเผยว่า โครงการมิกซ์ยูสในรูปแบบโรงแรมและคอนโดมิเนียมซึ่งมีบริการมาตรฐานระดับห้าดาวขึ้นไป บนทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีการเติบโตสูงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าของสินทรัพย์มีการปรับราคาสูงขึ้นทุกปี ทำให้เป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง

สำหรับบริษัทได้มีการพัฒนาโครงการแม่น้ำ เรสซิเดนท์ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ จำนวน 294 ยูนิต ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 90% ในจำนวนนั้นมีห้องเพนต์เฮาส์ 6 ห้อง ราคาขายที่ 60-80 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ตลาดใหม่ที่มุ่งเน้นการบริการลูกค้าอย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้นมีความเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ โดยเพนต์เฮาส์มีการตกแต่งพร้อมอยู่ สำหรับรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มนี้ซึ่งเป็นกลุ่มนีชมาร์เก็ตและเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้เร็วขึ้น

แม่น้ำเรสซิเดนท์ร่วมศึก มิกซ์ยูสริมเจ้าพระยา

อีกทั้งได้ขยายตลาดจับกลุ่มนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนบาท/ตร.ม. หากเทียบกับโครงการย่านนี้มากกว่าไปถึง 3.5 แสนบาท/ตร.ม. และล่าสุดเตรียมจัดงานเพนต์เฮาส์เอ็กซ์คลูซีฟ ในวันที่ 12 พ.ค. 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดขายภายในงาน 20% และมั่นใจว่าห้องเพนต์เฮาส์ที่เหลือจะปิดการขายได้ทั้งหมดภายในปีนี้

นอกจากนี้ มีแผนพัฒนาโรงแรม 6 ดาว บนพื้นที่ 6 ไร่ ติดกับโครงการแม่น้ำ เรสซิเดนท์ มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบ เป็นอาคารสูง 15 ชั้น จำนวน 250 ห้อง คาดว่าพัฒนาในปี 2562

เดชา กล่าวว่า การเลือกพัฒนาโรงแรมระดับ 6 ดาวนั้น มองว่าซัพพลายโรงแรมริมแม่น้ำในตลาดมีไม่มาก มีอยู่ราว 4,000 ห้อง ยังไม่ถึง 5% ของโรงแรมในกรุงเทพฯ การพัฒนาระดับนี้เนื่องจากที่ดินราคาแพง ดังนั้นต้องพัฒนาให้เหมาะสมคุ้มค่าและเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการที่พักผ่อนมีไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจน

อย่างไรก็ดี แนวโน้มตลาดโรงแรมมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องและการที่ภาครัฐผลักดันการท่องเที่ยวเมืองรองทำให้เป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

แม่น้ำเรสซิเดนท์ร่วมศึก มิกซ์ยูสริมเจ้าพระยา

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนพัฒนามิกซ์ยูสที่หาดตลิ่งงาม เกาะสมุย บนพื้นที่ราว 25 ไร่ ซึ่งจะพัฒนาทั้งคอนโดและโรงแรม มูลค่าโครงการ 2,000-2,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะชัดเจนใน 2 ปีนี้

“โครงการต่างๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ก่อสร้างกันอยู่ในหลายๆ แห่ง กำลังจะแล้วเสร็จในอีก 1-2 ปี เราจะเห็นภาพที่ชัดเจน ซึ่งโครงการขนาดใหญ่เหล่านี้จะสนับสนุนศักยภาพของทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ” เดชา กล่าว

ด้าน สุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ยังมีโอกาสการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และหากพิจารณาในเซ็กเมนต์ของสินค้าประเภทคอนโดโดยเฉพาะคอนโดลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีจำนวน 1.72 หมื่นยูนิต หรือคิดเป็น 3% ของตลาดคอนโดทั้งหมดในกรุงทพฯ พบว่าเป็นคอนโดริมแม่น้ำจำนวน 2,600 ยูนิต หรือคิดเป็น 15% ของคอนโดในกลุ่มลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ปัจจุบันมียูนิตเหลือขายแค่ 5% โดยโครงการที่แล้วเสร็จมียอดขายกว่า 95% ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมียอดขายราว 80%

ขณะที่กลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตของราคาพื้นที่ต่อตารางเมตรสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลเมื่อปี 2555 ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 80% ปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.46 แสนบาท/ตร.ม. จากเดิมอยู่ระดับแสนต้นๆต่อตารางเมตร เนื่องจากที่ดินแพงและหายาก อีกทั้งข้อจำกัดด้านผังเมืองที่กำหนดระยะร่นริมแม่น้ำ 45 เมตร ห้ามสร้างอาคารสูงเกิน 16 เมตร และต้องใช้ที่ดินขั้นต่ำ 5 ไร่ สำหรับการสร้างอาคารสูง ขณะที่ไม่มีซัพพลายใหม่เข้าสู่ตลาดในปีนี้ปัจจุบันจะพบว่าราคาเฉลี่ยคอนโดลักซ์ชัวรี่ริมเจ้าพระยาเมื่อเทียบคอนโดลักซ์ชัวรี่ในย่านซีบีดีจะสูงกว่า 15% ขณะที่ถ้าเป็นราคาเฉลี่ยคอนโดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ริมเจ้าพระยาเมื่อเทียบคอนโดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในย่านซีบีดีจะสูงกว่า 5-6%

แม่น้ำเรสซิเดนท์ร่วมศึก มิกซ์ยูสริมเจ้าพระยา

สำหรับทำเลที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการพัฒนาในพื้นที่มากขึ้น คือ พระราม 3 เพราะยังมีพื้นที่พัฒนาได้อีกมาก ขณะที่เจริญกรุงและเจริญนครไม่มีพื้นที่แล้ว สำหรับราคาที่ดินโซนพระราม 3 อยู่ที่ราว 2 แสนบาท/ตารางวา (ตร.ว.) เจริญนครอยู่ราว 3 แสนบาท/ตร.ว.

ด้านกลุ่มเป้าหมาย จะพบว่าผู้ซื้อจะเป็นคนไทยถึง 90% ที่เหลือเป็นต่างชาติ เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น โดยจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุนระยะกลางหรือระยะยาว ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนค่าเช่าจะอยู่ราว 2-3% แต่มูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากกว่า 3-5 เท่า เมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ เช่น ลอนดอน ญี่ปุ่น เป็นต้น

อย่างไรก็ดี โครงการมิกซ์ยูสในรูปแบบของคอนโดและโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะเห็นภาพชัดเจนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นโปรดักต์ใหม่ที่น่าจับตามอง ซึ่งจะมาชิงส่วนแบ่งตลาดระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพราะคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว

แม่น้ำเรสซิเดนท์ร่วมศึก มิกซ์ยูสริมเจ้าพระยา