posttoday

"สัมมากร" ปรับลุค เปิดทางพันธมิตรร่วมทุน

29 มกราคม 2561

"สัมมากร" ปรับลุคใหม่ จากเดิมภาพลักษณ์ดูเป็นผู้ใหญ่และคอนเซอร์เวทีฟให้ดูทันสมัยขึ้น ภายใต้สโลแกน "สัมมากรสร้างจากความเข้าใจชีวิต"

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

แนวโน้มการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มเห็นความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ กลาง และเล็ก ต่างเปิดแผนกลยุทธ์พร้อมส่งโครงการออกสู่ตลาดหวังชิงมาร์เก็ตแชร์ ซึ่งก็มีทั้งโครงการที่พัฒนาเองและโครงการร่วมทุนจากต่างชาติ

กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร เปิดเผยว่า จากบริษัทดำเนินธุรกิจมานานกว่า 48 ปี และเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาด พร้อมตอบโจทย์ความต้องการ รวมทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้ จึงวางแผนปรับตัว โดยในปีนี้จะมีการปรับภาพลักษณ์หรือลุคของ “สัมมากร” ใหม่ จากเดิมภาพลักษณ์ดูเป็นผู้ใหญ่และคอนเซอร์เวทีฟให้ดูทันสมัยขึ้น ภายใต้สโลแกน “สัมมากรสร้างจากความเข้าใจชีวิต”

สำหรับการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ครั้งนี้ ถือเป็นการปรับครั้งใหญ่ขององค์รวมทั้งระบบใน 3 ส่วนหลัก คือ 1.วัฒนธรรมองค์กร 2.ภาพลักษณ์และปรับโลโก้ใหม่ และ 3.การออกแบบสินค้าให้สวยพร้อมทั้งทันสมัยยิ่งขึ้น โดยยังคงคุณภาพความเป็นสัมมากรไว้ แต่เพิ่มในรายละเอียดการออกแบบบ้าน  ซึ่งบ้านรูปแบบใหม่จะพบได้ในโครงการใหม่ปีนี้

ในส่วนของแผนการพัฒนาโครงการนั้น ยังเน้นในสิ่งที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ คืออสังหาฯ แนวราบทั้งเพื่อขายสัดส่วนราว 80% และให้เช่าเพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว 20% ขณะเดียวกันไม่ได้ปิดกั้นนักลงทุนต่างชาติเข้าร่วมพัฒนาโครงการ โดยที่ผ่านมามีทั้งจีนและญี่ปุ่นเข้ามาคุยเป็นรายโครงการแต่ยังไม่มีการสานต่อ

อย่างไรก็ดี เนื่องจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เริ่มมีความชัดเจน ซึ่งบริษัทมีที่ดินราว 25 ไร่ ในพัทยา ห่างจากโอเชียน มารีนา ยอชต์คลับ เพียง 2-3 กิโลเมตร ที่ผ่านมาได้ให้ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ศึกษารูปแบบการพัฒนา โดยเบื้องต้นมีการนำเสนอ 3 รูปแบบ คือ 1.พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย 2.พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยกับโรงแรม และ 3.คอมมูนิตี้มอลล์

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่ได้สรุป แต่มีความเป็นไปได้คือพัฒนาเป็นอาคารสูงและเป็นโครงการร่วมทุนเนื่องจากเป็นโปรเจกต์ขนาดใหญ่ โดยพาร์ตเนอร์ที่เข้ามาต้องมีทั้งเงินทุนและฐานลูกค้า ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นจีน เพราะทั้งนักลงทุนและนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มที่ต้องการซื้ออสังหาฯ ในบริเวณนี้ รวมทั้งผู้ซื้อคนไทยด้วย แนวทางจะมีการตั้งบริษัทใหม่เป็นการร่วมทุนในแต่ละโครงการ ทั้งนี้ เป็นแผนใน 3 ปี (2561-2563) หากมีความพร้อมก็ดำเนินการได้ทันที

ด้านแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทได้ตั้งงบไว้ที่ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นงบซื้อที่ดินประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา 2 แปลงในโซนตะวันออกและการลงทุนอสังหาฯ เพื่อเช่าอีก 300 ล้านบาท อีกทั้งมีแผนจะเปิดตลาดสัมมากรอีก 2 แห่ งทำเลรามคำแหงและโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ อยู่ในย่านชุมชน โดยไตรมาสแรกปีนี้จะเปิด 1 แห่งก่อน

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2561 คาดว่าเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 6-8% เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศปีที่ผ่านมาการเติบโตไม่สูงนัก ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ มีมูลค่าติดลบ 5-6% ในขณะที่ผู้บริโภคมีความต้องการในอสังหาฯ แต่ขาดศักยภาพทางการเงิน

กิตติพล กล่าวว่า อย่างไรก็ตามจากสภาพเศรษฐกิจปีนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น บริษัทจึงพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ เพื่อให้บริษัทมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสินค้าพร้อมขายทั้งแนวราบและสูงรวมประมาณ 800 ล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้มียอดขายโครงการใหม่ราว 200 ล้านบาท

ด้าน ณพน เจนธรรมนุกูล ผู้จัดการทั่วไปสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท สัมมากร กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,340 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการออฟฟิศ พาร์ค รามอินทรา-วงแหวน โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น 22 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่ มูลค่าโครงการ 143 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 6.5 ล้านบาท/ยูนิต พร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้

โครงการที่ 2 คือ สัมมากร รังสิต คลอง 7 เป็นการขยายเฟสใหม่ จำนวน 271 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,270 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.5-6 ล้านบาท/ยูนิต คาดเปิดตัวในไตรมาส 3 และ 3.โครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์ วงแหวน 2 จำนวน 171 ยูนิต บนพื้นที่ 44 ไร่ มูลค่าโครงการ 971 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 4.2-5.2 ล้านบาท/ยูนิต คาดเปิดตัวไตรมาส 3 เช่นกัน

ขณะเดียวกัน มีแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าขนาดย่อม หรือคอมมูนิตี้มอลล์ หลังจากรีแบรนด์เมื่อปลายปี 2560 โดยได้ปรับชื่อจากเพียวเพลส เป็น “สัมมากร เพลส” ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากผู้เช่าและลูกค้าที่มาใช้บริการ ทั้งนี้ ได้มีการทยอยปรับศูนย์การค้าสัมมากร เพลส ทั้ง 3 สาขา ได้แก่ รามคำแหง 110 รังสิต คลอง 2 และราชพฤกษ์ ให้แล้วเสร็จภายในกลางปีนี้ คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะมีจำนวนลูกค้ามาจับจ่ายใช้สอยที่ศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น 20%

สำหรับจุดเด่นของศูนย์การค้าสัมมากร เพลส อยู่ที่การให้ความสำคัญกับการสำรวจความคิดเห็น ความต้องการรูปแบบร้านค้าไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชน และสำรวจความพึงพอใจการใช้บริการของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำมาพัฒนาและคัดเลือกร้านค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ปัจจุบันมีผู้เช่ารวมแล้ว 95% ของพื้นที่ โดยราคาเช่าเฉลี่ย 500-600 บาท/ตารางเมตร

อย่างไรก็ดี รายได้ของธุรกิจอสังหาฯ จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 40% ของกำไรโดยรวม พร้อมตั้งงบสำหรับกิจกรรมการตลาดของบริษัทราว 2.5% ของยอดขาย โดยจะเน้นตลาดออนไลน์มากขึ้น