posttoday

อสังหาลุยรับดีมานด์อีอีซี โอกาสผู้ซื้อบ้าน-นักลงทุน

03 มกราคม 2561

จากนโยบายโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของภาครัฐ ถือว่าเป็นกลไกสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 มีการลงทุน 5 ปีแรกกว่า 1.5 ล้านล้านบาท

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

จากนโยบายโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของภาครัฐ ถือว่าเป็นกลไกสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 มีการลงทุน 5 ปีแรกกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งจะพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมนิวเอสเคิร์ฟควบคู่กับท่องเที่ยวและบริการ

โครงการดังกล่าวช่วยยกดับ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง กลายเป็นเวิลด์คลาสอีโคโนมิคโซน ขณะเดียวกันการเชื่อม 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา จะผลักดันให้อีอีซีเป็นเมืองการบินที่ในเอเชีย เมื่อมีแหล่งงานความต้องการด้านที่อยู่อาศัยย่อมตามมา

ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 นี้ ในส่วนของตลาดต่างจังหวัดยังคงมุ่งเป้าไปถึงพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษและจังหวัดท่องเที่ยว โดยเฉพาะในอีอีซี ซึ่งใน 1-2 ปีข้างหน้าจะเริ่มเห็นความชัดเจนจากการลงทุนภาครัฐ ซึ่งหลายพื้นที่จะมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดศักยภาพในทำเลใหม่ๆ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมต่างเตรียมความพร้อมไว้แล้วรอเพียงสัญญาณที่แน่นอน ในส่วนบริษัทเองก็มีแลนด์แบงก์ราว 1,000 ไร่ ที่พร้อมรองรับการพัฒนา

ทั้งนี้ แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลบ้านฉางเป็นการพัฒนาบ้านเดี่ยวบนพื้นที่ราว 24 ไร่ ใกล้สนามกอล์ฟ อีสเทอร์น สตาร์ คันทรี คลับ แอนด์ รีสอร์ท มูลค่าราว 500 ล้านบาท คาดจะเปิดตัวโครงการได้ปลายไตรมาสแรกปี 2561

นอกจากนี้ ยังได้ทุ่มงบราว 30 ล้านบาท ในการปรับปรุงอาคารเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่พักอาศัยให้เช่ารวมทั้งพัฒนาในส่วนของโรงแรมซีสตาร์โฮเทล เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทย

อย่างไรก็ตาม มองว่าใน 3-5 ปี จากนี้จะมีผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งใน กทม. และท้องถิ่นเปิดตัวอสังหาฯ ในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ส่วนกำลังซื้อในโซนนี้จะอยู่ราว 2-8 ล้านบาท โดย 2-3 ล้านบาท เป็นกลุ่มใหญ่สุด ขณะเดียวกันปัจจัยที่ต้องระวังสำหรับธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ก็ยังเป็นเรื่องของปัญหาเอ็นพีแอล การเข้มงวดของแบงก์ในการปล่อยสินเชื่อ ปัญหาพืชผลการเกษตร แม้จะมีสัญญาบวกทั้งเรื่องภาคการส่งออกและท่องเที่ยวที่ดีขึ้นก็ตาม

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า บริษัทมีการลงทุนพัฒนาอสังหาฯ รูปแบบต่างๆ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และระยอง มูลค่ารวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท โดยพัฒนาไปแล้ว 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ มีแผนเพิ่มการลงทุนเป็น 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้มีการซื้อที่ดินเพิ่ม 4-5 แปลง มูลค่า 500 ล้านบาท ในปี 2561

สำหรับแผนการลงทุนในพื้นที่อีอีซีนั้น บริษัทเตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,000-8,000 ล้านบาท อาทิ โครงการมิกซ์ยูส ระยอง เป็นต้น ทั้งนี้ได้มีการลงทุนพัฒนาโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 2 ทำเล มูลค่าทรัพย์สินหลังการก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท ได้แก่ สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี ศรีราชา และฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการภายในปี 2564 นอกจากนี้ยังมีแผนขยายธุรกิจอสังหาฯ โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนมูลค่าการลงทุนราว 500 ล้านบาท

“ศรีราชาเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก พร้อมให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดการลงทุน ซึ่งเมื่อเกิดการลงทุนย่อมส่งผลให้เกิดการพัฒนาทั้งระยะสั้นและระยะยาวในพื้นที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ดี ตลาดอสังหาฯ ปีนี้น่าจะเติบโตดีกว่าปีที่แล้วโดยเฉพาะกลุ่มระดับบน” พีระพงศ์ กล่าว

สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วิจิตรา กรุ๊ป กล่าวว่า อีอีซีจะส่งผลให้การพัฒนาต่อเนื่องใน 20 ปี โดยพื้นที่ 3 จังหวัดจะมีการขยายตัวจากการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยได้แรงหนุนจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนในด้านต่างๆ

ขณะเดียวกัน ในปีนี้ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้นและกำลังซื้อสูงขึ้นตาม

ในส่วนของบริษัทยังคงเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาฯ แนวราบในพื้นที่ฉะเชิงเทรา โดยยังมีที่ดินรอการพัฒนาอีก 20 โครงการ ขณะเดียวกันก็ยังหาซื้อที่ดินเพิ่มในปีนี้อีก 100 ไร่ แม้ราคาที่ดินจะปรับขึ้นทุกปีเฉลี่ยปีละ 10% แต่ซัพพลายที่ดินทำดีๆ ยังมีอีกมาก

อย่างไรก็ดี อีอีซีเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นโอกาสสำหรับผู้บริโภคที่จะซื้ออสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุนเพราะราคายังซื้อได้ เมื่อเทียบกับความเจริญของพื้นที่ ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต