posttoday

"โลกเปลี่ยนอย่าฝืน" แสนสิริปรับตัวลุยตลาดยุคใหม่

29 พฤศจิกายน 2560

การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัวหันมามองถึงสิ่งที่จะสร้างรายได้ระยะยาว

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บรรดาผู้ประกอบการที่เคยมุ่งแต่พัฒนาโครงการเพื่อขายเพียงอย่างเดียว ต่างต้องปรับตัวหันมามองถึงสิ่งที่จะสร้างรายได้ระยะยาวที่เกิดจากการเช่าอาจจะเริ่มจากสำนักงานให้เช่า โรงแรม คอมมูนิตี้ มอลล์ หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาล แต่หากพิจารณาให้ลึกลงแล้วธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลระดับโลก ในโลกยุคใหม่นั้นเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไอที สื่อสาร ออนไลน์ รับกับโลกดิจิทัลทั้งสิ้น                 

เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปว่า ต่างจากอดีตค่อนข้างมากอย่างเช่น พฤติกรรมซื้อสินค้าประเภทลักซ์ชัวรี่ เครื่องประดับเครื่องแต่งกายราคาแพงสินค้าแบรนด์เนมดังๆ รวมไปถึงรถยนต์หรูคนรุ่นใหม่กลับให้ความสำคัญน้อยลงหันไปใช้บริการจากอูเบอร์ จึงทำให้ตลาดอสังหาฯ ลักซ์ชัวรี่ระดับท็อปเอนด์ในรูปแบบเดิมๆ ที่เน้นความหรูหรา จึงมีจำนวนที่น้อยลงหรือเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะจริงๆ 

“ผมเก็บข้อมูลจากคนในครอบครัว จากลูกชายที่เพิ่งเรียนจบพบว่า แม้ที่บ้านจะรถยนต์หรูหลายคัน มีนาฬิกาหรูหลายเรือน แต่เขานั่นกลับไม่ได้สนใจในสิ่งที่พ่อมีและต้องการให้เขา บอกว่านั้นเป็นรถยนต์หรูที่เกิดจากการสะสมของพ่อ แต่สิ่งที่เขามองคือไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถยนต์ นั่งอูเบอร์ ก็ทำให้สะดวกในการเดินทางสะท้อนให้เห็นในมุมหนึ่งว่า วัตถุไม่ได้มีความสำคัญเหมือนกับเศรษฐีในยุคก่อนที่เขาสะสมกัน” เศรษฐา กล่าว

ขณะที่คนรุ่นใหม่นั้นจะให้ความสำคัญกับเทรนด์ทางด้านสุขภาพ หรือแม้แต่การเลือกโรงแรมยังมองหาจากแอร์บีเอ็นบี แทนที่จะเลือกอยู่โรงแรมหรูอย่างเชอร์ราตัน แต่คนสมัยเก่านั้นอาจจะไม่ชอบลุ้นว่าเมื่อเขาไปพักในแอร์บีเอ็นบีแล้วจะเจอกับสิ่งที่ไม่อำนวยความสะดวกในการพักอาศัย ต่างจากคนรุ่นใหม่ที่เขาชอบ รีเลชั่นชิปที่จะอาศัยอยู่ร่วมกัน จึงสะท้อนมาถึงทิศทางการทำธุรกิจอสังหาฯ ของแสนสิริที่เปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่นั้น เฟล็กซิบิลิตี้ หรือสามารถปรับเปลี่ยนได้เป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจ โคลิฟวิ่งสเปซที่สามารถแชร์พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกันได้ หรือแม้กระทั่งร่วมกับฟาร์มเชล ปลูกแปลงผักในคอนโดนั้นเป็นสิ่งที่เริ่มเห็นมากขึ้นในการพักอาศัย

“การพัฒนาที่อยู่อาศัยในอนาคตต้องเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย เราปฏิเสธไม่ได้ว่าขนาดของที่อยู่อาศัยเล็กลง เทรนด์ทางด้านสุขภาพมาแรง ซึ่งในปี 2561 ไตรมาสแรกจะเห็นแสนสิริรุกนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับทางด้านสตาร์ทอัพที่ด้านที่อยู่อาศัยอีกอย่างน้อย 5-6 อย่าง” เศรษฐา กล่าว 

พร้อมกับย้ำว่าที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯ ประเทศไทยนั้นมีขนาดเล็ก ตัวเลขจีดีพีของประเทศเติบโตน้อยเพียง 2-3% ขณะที่บริษัทมียอดขาย 3 หมื่นกว่าล้านบาท เฉพาะในกรุงเทพฯ ปริมณฑล เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น และภูเก็ต จำเป็นต้องไปหาตลาดต่างประเทศมาเสริม ณ วันนี้ยอดขายจากตลาดต่างประเทศได้มา 25% แล้ว โดยได้ออกไปทำตลาดในฮ่องกง จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย และก็เริ่มมีสำนักงานขายในต่างประเทศอย่างจริงจังแล้ว จึงทำให้กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาตินั้นมีความมั่นใจ

แม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองของไทย โดยเฉพาะทางด้านการเมืองที่ผ่านมาจะไม่ค่อยปกติสักเท่าไร แต่ชาวต่างชาติที่รักและคุ้นเคยกับเมืองไทยนั้นจะทราบดีว่าเหตุการณ์ดังกล่าวแทบจะเป็นเรื่องปกติของเมืองไทยและไม่ค่อยมีเหตุการณ์รุนแรง อย่างคนฮ่องกงที่มาซื้อคอนโดในเมืองไทยราคายูนิตละ 5 ล้านบาท หากเขาซื้อที่ฮ่องกงไม่ได้แน่นอนกลายเป็นแค่ค่าซื้อที่จอดรถ

สำหรับแสนสิรินั้นใช้ประสบการณ์เพื่อบริหารไครซิสแมเนจเมนต์ หรือประสบการณ์มาช่วยในการบริหารงานในช่วงที่เกิดวิกฤต ที่จะต้องดูแลร่วมกันตั้งแต่ซัพพลายเออร์ ผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ธนาคาร ซึ่งการบริหารช่วงวิกฤตนั้นไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว เนื่องจากวิกฤตในแต่ละช่วงนั้นมีวิธีแก้ไขที่แตกต่างกันไป

ณ วันนี้สิ่งที่สำคัญและเห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่นั้นมาแล้วและมาแรงอย่างที่ได้ยกตัวอย่าง คือ แชร์ไรดิ้ง หรือการแบ่งปันกันในรถยนต์ที่ขับจะต้องเกิดขึ้น หรือว่าแอร์บีเอ็นบี การนำห้องพักในคอนโดมาปล่อยเช่า แต่ทั้งสองเรื่องดังกล่าวในปัจจุบันมีคนพูดถึงอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องที่มีคนได้กับคนเสีย

แต่อย่าดูว่าใครได้เสียให้ดูว่าโลกเปลี่ยนไปอย่างไร ยกตัวอย่างชัดๆ ณ วันนี้อี-คอมเมิร์ซเยอะมากคนไปซื้อของออนไลน์ โรงแรมจะเป็นอย่างไรในอนาคต คอนโด ธุรกิจค้าปลีก ห้างสรรพสินค้าจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใดในอนาคต อย่าฝืนโลก โลกเขาเปลี่ยนอย่าฝืน แต่เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน 

เหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างหนึ่งว่าเทคโนโลยีทางด้านไอทีมีความสำคัญมากขึ้น หากพัฒนาและนำมาใช้ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคจะสร้างประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น