posttoday

"ชาญอิสสระ" จัดทัพ บุกอสังหาขาย-เช่า

13 พฤศจิกายน 2560

จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าส่งผลกระทบกับกำลังซื้อกับกลุ่มชนชั้นกลาง-ล่าง ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งปรับตัว

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าส่งผลกระทบกับกำลังซื้อกับกลุ่มชนชั้นกลาง-ล่าง ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งปรับตัวเพื่อช่วงชิงตลาดระดับกลาง-บน เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย และยังคงเป็นตลาดหลักในปี 2561

สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ว่ายังคงทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2560 หรืออาจจะปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดโลกนั้นยังเผชิญวิกฤตอยู่หลายอย่าง ขณะที่เศรษฐกิจของไทยนั้นยังเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มระดับกลาง-ล่างที่ยังสูงอยู่มาก รวมไปถึงราคาพืชผลทางการเกษตรยังมีแต่ทรงกับทรุดส่งผลให้กำลังซื้อระดับล่างนั้นไม่เติบโต

"เวลานี้เศรษฐกิจไทยนั้นขับเคลื่อนอย่างช้าๆ อุตสาหกรรมที่เป็นตัวขับเคลื่อนได้คือ ภาคการท่องเที่ยว ขณะที่แนวทางการพัฒนาอสังหาฯ ของไทยนั้นยังอาศัยกำลังซื้อของคนในประเทศเป็นหลักต่างจากฮ่องกงและสิงคโปร์ที่อาศัยกำลังซื้อจากต่างชาติ นโยบายรัฐควรเร่งให้เกิดการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของต่างชาติให้มากกว่า 30 ปี เป็น 50-60 ปี จะทำให้เกิดกำลังซื้อครั้งใหญ่จากชาวต่างชาติ เพราะ ณ  วันนี้จีดีพีทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นมาจากการส่งออก ซึ่งยอดขายค่อนข้างเยอะแต่กำไรที่ได้นั้นค่อนข้างน้อย" สงกรานต์ กล่าว

ขณะที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มทุนจีนและญี่ปุ่นนั้นได้เดินหน้าเข้ามาลงทุนในหลายประเทศมากขึ้น รวมไปถึงไทย เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตจากการที่ภาครัฐเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่อย่างเช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการร่วมทุนกับบริษัท มารูเบนิ คอร์ปอเรชั่นประเทศญี่ปุ่นร่วมพัฒนาโครงการชาญอิสสระ 2 การร่วมทุนกับบริษัท จุนฟา เรียลเอสเตท พัฒนาโครงการบาบาบีช คลับ จ.พังงา เป็นต้น

ณ วันนี้การร่วมทุนไม่ได้หยุดเท่านี้ เนื่องจากมีกลุ่มทุนต่างชาติรายใหม่ โดยเฉพาะจากจีนและญี่ปุ่นเข้ามาเจรจาร่วมทุนอีก 5-6 ราย ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่การร่วมทุนกับต่างชาตินั้นจะทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ นั้นมีองค์ความรู้ว่าทิศทางการพัฒนาธุรกิจนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขณะที่บริษัทต้องการสร้างรายได้ระยะยาวจาก 20-25% เป็น 30-35% ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากจะมีการเข้าไปรับบริหารโรงแรมในประเทศจีนมากขึ้นด้วยโดยร่วมกับกลุ่มจุนฟา

สำหรับแผนในปี 2561 นั้นตั้งงบลงทุนไว้ 700-800 ล้านบาท โดยมีแผนจะลงทุนคอนโดกลางเมือง รวมไปถึงการขยายกองทุนอสังหาฯ ศรีพันวาจากเดิมที่มีขนาด 1,000 ล้านบาท ให้ใหญ่ขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท เป็นต้น

เหล่านี้คือการปรับตัวของศรีพันวา เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่นับวันจะทวีความรุนแรง