posttoday

"กรี เดชชัย" พิสูจน์ฝีมือ แจ้งเกิดซีพีเอ็น เรสซิเด้นซ์

18 มกราคม 2559

แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่สดใสนัก แต่การสำรวจความต้องการของตลาดที่ให้ชัดเจนนั้น ย่อมได้เปรียบในการแข่งขัน

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

ถือเป็นการซุ่มเดินหน้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย สำหรับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น จากเดิมที่เป็นเพียงผู้พัฒนาศูนย์การค้าที่รู้จักกันในชื่อเซ็นทรัลหลายทำเล เพราะโจทย์ในการพัฒนาไม่ได้หยุดอยู่ที่การพัฒนาธุรกิจค้าปลีกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่กัน เป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตได้อย่างครบวงจรทั้งศูนย์การค้าและที่อยู่อาศัย

ความท้าทายนี้ ทำให้ ร.อ.กรี เดชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาโครงการพิเศษ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ต้องพิสูจน์ฝีมือผ่านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ในนามซีพีเอ็น เรสซิเด้นซ์ ประเดิมด้วยโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์  Escent (เอสเซ็นท์) มีความหมายว่า “ชีวิตที่เริ่มต้น” โดยเริ่มต้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 3 โครงการ อยู่ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล สาขาเชียงใหม่ ระยอง และขอนแก่น มูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นจังหวัดหัวเมืองที่มีความพร้อมในการลงทุน

“ผมได้เข้ามาร่วมงานกับซีพีเอ็นนาน 2 ปี แต่ได้เริ่มพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งการจะเริ่มพัฒนาโครงการคอนโดในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกำลังซื้อในตลาดต่างจังหวัดนั้นมีจำกัด ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เคยออกมาพัฒนายังเคยต้องพับแผนกันมาแล้ว ทำให้ต้องมีการสำรวจความต้องการให้ชัดเจนว่ากำลังซื้อยังมีอยู่จริง และสามารถปิดการขายได้จริง”

การพัฒนาโครงการคอนโดนั้น จะต้องทำการบ้านให้ดีทั้งวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า กำลังซื้อ สเปกของสินค้าที่ให้ว่าตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าหรือไม่ โดยต้องการให้เขาซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยจริง เพราะถ้าไม่อยู่อาศัยจริงนั้นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ และที่สำคัญซีพีเอ็นเป็นแบรนด์ที่มีลูกค้าไว้วางใจ ถือเป็นผู้นำในการพัฒนาศูนย์การค้า หากพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยใช้ชื่อแบรนด์ซีพีเอ็น แล้วพัฒนาออกมาได้ไม่ดี อาจจะส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของศูนย์การค้าได้ เป็นประเด็นที่ทางบอร์ดผู้บริหารของซีพีเอ็นนั้นให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้รูปแบบการพัฒนาโครงการ อสังหาฯ ของกลุ่มซีพีเอ็นต่อไปนั้น จะมองการพัฒนาโครงการให้ครบวงจร โดยจะต้องมีที่อยู่อาศัยควบคู่กับการเกิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ๆ เริ่มจากการพัฒนาในรูปแบบโครงการคอนโดมิเนียม ขณะเดียวกันก็มองการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือโฮมออฟฟิศควบคู่กันไปด้วย ซึ่งขึ้นอยู่ตามศักยภาพของแต่ทำเล หากที่ดินมีราคาแพงมากการพัฒนาโครงการในรูปแบบบ้านเดี่ยวอาจจะไม่เหมาะสม จึงต้องพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน โดยวางแผนว่าจะพัฒนาโครงการใหม่ปีละเฉลี่ย 3-4 โครงการ ซึ่งในปีนี้ได้ประเดิมโครงการพร้อมกัน 3 จังหวัด 

เริ่มจากเปิดขายโครงการเอสเซ็นท์ เชียงใหม่ ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด สูง 26 ชั้น จำนวน 400 ยูนิต  เนื้อที่ 2 ไร่ เริ่มเปิดพรีเซลส์มาตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2559 กับราคาขายเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 7.6 หมื่นบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) ขนาด 24-42  ตร.ม.

ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายเกือบ 80% ถือว่าได้รับการตอบรับจากตลาดค่อนข้างดี ซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อแบบขนาด 1 ห้องนอน 31.7 ตร.ม. กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและเป็นคนในพื้่นที่เป็นหลัก ที่ทำงานอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน และกลุ่มนักลงทุนนั้นมีบ้างแต่เป็นสัดส่วนที่น้อย เป็นกลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 30 ปี และกลุ่มอายุประมาณ 50 ปี ซึ่งกลุ่มคนที่มีอายุ 50 ปี มองเห็นโอกาสในการซื้อ อีกทั้งสินค้าที่พัฒนานั้นใช้สเปกที่ดี เป็นคอนโดหน้ากว้าง อย่างขนาด 1 ห้องนอนนั้นหน้ากว้าง 7.60 เมตร เป็นต้น

“โครงการเอสเซ็นท์ เชียงใหม่ ได้รับการตอบรับที่ดี เห็นได้จากราคาขายที่ได้ปรับขึ้น 4 รอบแล้ว ในช่วงเวลาที่เปิดขายเพียง 1 สัปดาห์ เริ่มจาก 7.3-7.8 หมื่นบาท/ตร.ม. แต่มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 7.6 หมื่นบาท/ตร.ม. ขณะนี้มีจำนวนยูนิตเหลือขายเพียงเล็กน้อย ซึ่งหากมีการซื้อขายใบจองห้องชุดหากมีการเปลี่ยนชื่อจะต้องเสียค่าปรับในการเปลี่ยน 5 หมื่นบาท รวมถึงมีการนำสถาบันการเงินมาร่วมประเมินความสามารถของผู้ซื้อเพื่อไม่ให้เกิดการปฏิเสธสินเชื่อในภายหลัง”

ร.อ.กรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ได้เริ่มเปิดตัวโครงการเอสเซ็นท์ ระยอง ซึ่งได้มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15-17 ม.ค. โครงการตั้งบริเวณด้านหลังเซ็นทรัลพลาซาระยอง  ถนนเลี่ยงเมืองสาย 36 สูง 25 ชั้น จำนวน 419 ยูนิต ขนาดเริ่มต้น 23 ตร.ม. ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 40% โดยมีราคาขายเฉลี่ยที่ 7.3 หมื่นบาท/ตร.ม. และวันจันทร์ที่ 18 ม.ค.นี้ ได้เริ่มเปิดขายโครงการเอสเซ็นท์ ขอนแก่น สูง 24 ชั้น จำนวน 400 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7.6 หมื่นบาท/ตร.ม. ซึ่งมีราคาเฉลี่ยใกล้เคียงกับที่ จ.เชียงใหม่ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดที่ดีเช่นกัน เนื่องจากมีการสำรวจความต้องการของคนในพื้นที่มาก่อนที่จะเปิดทำการขายจริง อย่างที่ จ.ขอนแก่น มีกลุ่มผู้ที่แสดงความสนใจซื้อมากเกือบ 1,000 ราย

ด้านยอดขายของบริษัทที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท มาจากโครงการละ 500 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 โครงการนั้นมีมูลค่าลงทุน 1,500 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น เชื่อว่าความต้องการยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้โปรดักต์ของสินค้านั้นต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า จะต้องมีการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ดี เพราะการพัฒนาโครงการอย่างคอนโดมิเนียมนั้นใช่ว่าจะเปิดโครงการใหม่ได้จำนวนมากๆ อาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้เกิดภายหลังก็เป็นได้ และที่สำคัญชื่อเสียงของแบรนด์ที่มีศักยภาพนั้นมีความสำคัญอย่างมาก หากลูกค้ามั่นใจย่อมได้เปรียบในการแข่งขัน

แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่สดใสนัก แต่การสำรวจความต้องการของตลาดที่ให้ชัดเจนนั้น ย่อมได้เปรียบในการแข่งขันว่าความต้องการนั้นมีอยู่จริง อย่างที่ซีพีเอ็นดำเนินการถือเป็นการกระจายความเสี่ยงกับการต่อยอดจากศูนย์การค้าสู่อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย