posttoday

‘สิงห์’ทุ่มหมื่นล.ซื้อ3อสังหาฯ

18 กรกฎาคม 2558

สิงห์ เอสเตท ทุ่มอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซื้อ-ร่วมทุน อสังหาฯ ดันรายได้้แตะ 4,000 ล้าน

สิงห์ เอสเตท ทุ่มอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซื้อ-ร่วมทุน อสังหาฯ ดันรายได้้แตะ 4,000 ล้าน

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อสินทรัพย์ และร่วมทุนหรือควบรวมกิจการกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีก 3 ราย รวมมูลค่า 1-1.2 หมื่นล้านบาท โดยการเจรจาใกล้จบแล้ว 1 ราย มูลค่า 4,000 ล้านบาท ส่วนอีก 2 ราย มูลค่ารวม 6,000-8,000 ล้านบาท ได้มีการเซ็นข้อตกลงเพื่อทำ Due Diligence หรือการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของทรัพย์สินไปแล้ว 1 ราย อีก 1 รายคาดจะเซ็นข้อตกลงได้ในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ การซื้อสินทรัพย์ทั้ง 3 รายการจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ทันที และช่วยให้บริษัทมีรายได้ 4,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่ไตรมาสแรกบริษัทมีรายได้ 300 ล้านบาท และ มีทรัพย์สินรวม 10,341 ล้านบาท ยังไม่รวมผลประกอบการและทรัพย์สินของกลุ่มเนอวานา

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสนใจเข้าไปซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศกลุ่มอาเซียน โดยจะเลือกประเทศที่มีประสบการณ์ในการทำตลาด เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อโรงแรม 1 แห่ง รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจราซื้อคลังสินค้าในไทย เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีด้วย

ขณะที่ในไตรมาส 3 บริษัทเตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมบนถนนอโศก สูง 55 ชั้น จำนวน 420 ยูนิต มูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท ราคาขาย 2 แสนบาท/ตารางเมตร เริ่มต้นที่ยูนิตละ 9 ล้านบาท และยังไม่รวมกับโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบอีก 2-3 โครงการ ของบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นบริษัทพันธมิตรที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 51% ส่วนของโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ โครงการมิกซ์ยูส บนถนนอโศก-เพชรบุรี มูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560

“ในครึ่งปีแรกภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวถือว่าเหนื่อยพอสมควร แต่ทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งเอาไว้ ทั้งในแง่ของการซื้อกิจการ การร่วมทุน และการพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจอยู่ในจุดที่ต่ำสุดแล้ว และจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา ซึ่งหากการซื้อกิจการในช่วงครึ่งปีหลังเป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้จะทำให้บริษัทมีรายได้ตามเป้าที่ 4,000 ล้านบาท” นายนริศ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทตั้งเป้าร่วมทุนซื้อกิจการปีละ 6-7 ราย/ปี ใช้เงินลงทุน 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการ บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม เนื้อที่กว่า 30 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท ขายราคา 50 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2560

นายนริศ กล่าวอีกว่า คอนโดมิเนียมอีก 3 โครงการ มีทั้งทำเลในเมือง นอกเมืองตามแนวรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และพร้อมลุย ตลาดต่างจังหวัด มูลค่าโครงการละ 2,500-3,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ปีหน้าไว้ที่ 6,000 ล้านบาท โดยภายใน 5 ปีนับจากนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2 หมื่นบ้านบาท และจะใช้เงินลงทุนซื้อกิจการปีละ 6-7 โครงการ รวม 2 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปีจะใช้เงินลงทุนรวม 1 แสนล้านบาท