posttoday

ตลาดวัสดุโค้งแรกหดตัว30%

24 มีนาคม 2557

ตลาดวัสดุก่อสร้างไตรมาสแรกวูบ 30% ทั้งที่เป็นหน้าขาย ตราเพชร โหมโปรโมชั่นถี่ดันยอด

ตลาดวัสดุก่อสร้างไตรมาสแรกวูบ 30% ทั้งที่เป็นหน้าขาย ตราเพชร โหมโปรโมชั่นถี่ดันยอด

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างกว่า 1 แสนล้านบาทในไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบว่าเติบโตลดลง 20-30% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ ทำให้ผู้บริโภคต่างชะลอการตัดสินใจก่อสร้างหรือปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน ทั้งที่ปกติแล้วในช่วงไตรมาสแรกของปีจะเป็นช่วงหน้าการขายวัสดุก่อสร้าง

ทั้งนี้ จากสภาพตลาดที่ซบเซา ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการตลาดใหม่ โดยหันไปจัดโปรโมชั่นหรือกิจกรรมการขายที่มุ่งตรงไปยังผู้บริโภคเพิ่มขึ้น จากเดิมเป็นการให้ส่วนลดกับเอเยนต์หรือตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น พร้อมกับเน้นการขยายตลาดส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนการส่งออกต่างประเทศ 10% ได้ขยับเพิ่มสัดส่วนในตลาดอาเซียนเพิ่มอีก 3% เป็น 13% เพื่อชดเชยตลาดในประเทศ และคาดว่าภาพรวมการเมืองในประเทศน่าจะปรับตัวดีขึ้น

สำหรับปีนี้บริษัทยังคงเป้าเติบโตไว้ 10% ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ทั้งปี จากปีก่อนที่มียอดขายรวมกว่า 4,401 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกคาดว่าจะปิดยอดขายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ด้าน นายลีโอเนล โลโคลัส ผู้จัดการขายโครงการ แผนกสุขภัณฑ์ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท เกเบอริท เซาธ์อีสท์ เอเชีย พีทีอี ผู้ผลิตชุดอุปกรณ์แท็งก์น้ำซ่อนผนังสำหรับสุขภัณฑ์แบรนด์เกเบอริทในไทย เนื่องจากมองว่าตลาดสุขภัณฑ์ในไทย โดยเฉพาะงานโครงการ โรงแรม คอนโดมิเนียม ยังต้องการนำสินค้าสุขภัณฑ์ไปติดตั้งค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ จะนำเสนอจุดเด่นด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการประหยัดน้ำในระบบประปา และเครื่องใช้สุขภัณฑ์ ของแบรนด์เกเบอริท ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดไทย โดยที่ผ่านมาตลาดสุขภัณฑ์แขวนผนัง (Wall Hung) ในไทย ยังไม่ได้รับความแพร่หลายมากนัก จึงมีแผนสร้างการรับรู้แบรนด์ และเผยแพร่การใช้สุขภัณฑ์ในดีไซน์แบบแขวนมากขึ้น ซึ่งจะใช้งบการตลาดในปีนี้กว่า 100 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจของเฮเฟเล่ในช่วง 3 เดือนแรก ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยกดดันภายในประเทศมากนัก โดยตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 10% จากในปีก่อนอยู่ที่ 2,860 ล้านบาท เน้นรายได้งานโครงการและการจำหน่ายสินค้าที่ขยายตัวตามร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง