โซนจมน้ำ บ้านหรูเริ่มฟื้น
แสนสิริ ส่งทีมวิจัยลงภาคสนามสำรวจภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ฝั่งตะวันตก “ชัยพฤกษ์ - ราชพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ” หลังน้ำท่วมหนักช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบโดยรวมฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
แสนสิริ ส่งทีมวิจัยลงภาคสนามสำรวจภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ฝั่งตะวันตก “ชัยพฤกษ์ - ราชพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ” หลังน้ำท่วมหนักช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบโดยรวมฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมโครงการ อสังหาริมทรัพย์ย่าน ชัยพฤกษ์ - ราชพฤกษ์ - แจ้งวัฒนะ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจากการส่งทีมวิจัยเพื่อลงสำรวจภาพรวมล่าสุด พบว่า สถานการณ์โดยรวมเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติเช่นเดียวกับ ช่วงก่อนเกิดอุทกภัย ทั้งนี้ รูปธรรมที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวดังกล่าวเกิดจากการเกิดใหม่ของกลุ่ม Community Mall ขนาดใหญ่
นอกจากนี้ สถานศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง และโครงการต่อยอดเพื่อพัฒนาเมืองของภาครัฐ เพื่อตอบกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่ยังคงเห็นในศักยภาพของทำเลในย่านดังกล่าว ที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 8 – 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นย่านที่รวมกำลังซื้อคุณภาพไว้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้ามุ่งพัฒนาโครงการในย่านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญยังได้วางแผนและพัฒนาระบบเพื่อรับมือกับปัญหาอุทกภัยแบบครบวงจรอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของกำลังซื้อกลับคืนมา
"ในส่วนของแสนสิริ การที่เราจัดการปัญหาช่วงน้ำท่วม และหลังจากน้ำลดลงแล้วได้ดี ทำให้ยอดขายของโครงการบ้านเดี่ยวโดยรวมของเราเริ่มกลับมาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม เพราะลูกค้าเห็นถึงศักยภาพในการบริหารเรื่องน้ำของเรา เราจึงเร่งพัฒนาแผนในการ ฟื้นคืนความเชื่อมั่นของกำลังซื้อใหม่ด้วยการสร้างแผนแม่บทในการบริหารจัดการน้ำเพื่อที่อยู่อาศัย แบบครบวงจรนำร่องโครงการแรกที่เศรษฐสิริ ชัยพฤกษ์ - แจ้งวัฒนะ ด้วยงบประมาณรวม 9 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการสร้างระบบดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่งผลให้จำนวนลูกค้า เข้าเยี่ยมชมโครงการเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึง 50%" นายเมธา อังวัฒนพานิช กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเจาะลึกถึงแผนแม่บทในการบริหารจัดการน้ำเพื่อที่อยู่อาศัยของแสนสิริแล้วพบว่าสามารถ ครอบคลุมในทุกช่วงการเกิดอุทกภัย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการ "แสนสิริ ได้วางมาตรการป้องกันน้ำไว้ 3 ส่วน ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 บริเวณรั้วโครงการ เราได้ทำการ เก็บปูนตามแนวรอยต่อ รอบรั้วโครงการตลอดแนว
ส่วนที่ 2 ดำเนินการติดตั้งสถานีสูบน้ำ ภายในโครงการรวม 2 สถานี ณ บริเวณ ด้านหลังของโครงการ โดย 1 สถานี มีเครื่องสูบน้ำ จำนวน 2 เครื่อง สามารถสูบน้ำออกจากโครงการได้ถึง 7 ซม. / ชม. เครื่องสูบน้ำมีความสูง 5 ม. ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ดิน 4 ม. และเหนือพื้นดินอีก 1 ม. เป็นระบบลูกลอย โดยเครื่องสูบน้ำ จะทำงานเมื่อมีปริมาณน้ำสูง 3 ม. วัดจากตัวเครื่องสูบ
ส่วนที่ 3 ดำเนินการสร้างแนวป้องกันน้ำด้านหน้าโครงการ โดยยกแนวพื้นถนนทางเข้าโครงการให้สูงประมาณ 1 ม. ทำเสมือนเป็นสะพานข้ามคลองและเพิ่มบ่อพักน้ำ ใต้ดินรองรับการติดตั้ง Mobile Pump ซึ่งทั้ง 3 ส่วนได้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว
แผนดังกล่าว คือแผนในส่วนของการป้องกัน และนอกจากแผนด้านการป้องกันแล้ว แสนสิริ ยังเน้นสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ทั้งลูกบ้านที่ซื้อโครงการแล้วและลูกค้าใหม่ โดยลูกบ้านที่ซื้อโครงการแล้วที่ประสบอุทกภัยในครั้งที่ผ่านมา แสนสิริได้ให้ความช่วยเหลือโดยเข้าตรวจเช็คระบบไฟฟ้า ช่วยทำความสะอาดและจัดหาผู้ให้บริการ ที่เกี่ยวกับตัวบ้าน และภายในบ้าน เช่น บริการทำความสะอาด, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องปรับอากาศ, ปั้มน้ำ, บานประตู เป็นต้น ตลอดจนมอบเงินช่วยเหลือสำหรับใช้เป็นค่าซ่อมแซมบ้านอีกด้วย และในส่วนของลูกค้าใหม่
นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอ มาตรการป้องกันน้ำท่วมแบบครบวงจรอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้ใช้ทีมงานมืออาชีพในการออกแบบการรับมืออุทกภัย ดังเช่นที่ได้นำเสนอไปแล้ว อีกทั้ง ยังได้สร้างความเชื่อมั่น ด้วยแคมเปญพิเศษจองบ้าน และโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 31 ธันวาคม 2555 ลูกค้าจะได้รับประกันภัย "คุ้มครองอุ่นใจ" ซึ่งเป็นประกันภัยที่คุ้มครองในเรื่องภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ โดยลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 9 แสนบาท ระยะเวลา 1 ปี นับจากวันโอนกรรมสิทธิ์


