posttoday

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ชู 3 นโยบายสร้างมาตรฐานสมาชิก เพิ่มเชื่อมั่นผู้บริโภค

01 กุมภาพันธ์ 2563

นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านคนใหม่ โชว์วิสัยทัศน์ ผลักดันธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจสามารถดึงส่วนแบ่งมูลค่าตลาดรวมได้มากขึ้น คาดปี 2563 โตเพิ่มขึ้น 5%

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งนายกสมาคม ในวาระปี พ.ศ. 2563 - 2565 พร้อมวาง 3 นโยบายหลัก ประกอบไปด้วย 1.สร้างสมาคมฯ ให้เป็นที่เชื่อมั่นต่อผู้บริโภค (Trusted by Consumers) ผ่านกิจกรรมในด้านต่างๆ

นอกจากนี้ยังดำเนินการตรวจสอบคัดกรองสมาชิกเพื่อให้บริษัทที่เข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมฯ มีความน่าเชื่อถือและมั่นใจได้ รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) โดยสมาคมฯ ยังคงมุ่งเน้นกิจกรรมสำหรับเยาวชนเป็นหลักผ่านโครงการ "สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านสร้างอนาคตเพื่อเด็กไทย" ซึ่งในปีนี้จะมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

นโยบายที่ 2 สร้างการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างคุณค่า (Participation to Create Value) ซึ่งจะเป็นการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการพัฒนาตลาดรับสร้างบ้านร่วมกัน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการของ ธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องแบบบ้าน การก่อสร้าง รวมถึง กลยุทธ์ทางการตลาด

นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นความร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อพัฒนาธุรกิจรับสร้างบ้าน อาทิ ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา ที่จะผลิตบุคคลากรคุณภาพเข้าสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งกิจกรรมนี้สมาคมฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและเริ่มเห็นผลผลิตของบุคคลากรเพิ่มขึ้นทุกปี

และนโยบายที่ 3 การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) โดยสมาคมฯ ต้องผลักดันให้สมาชิกสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ โดยจะเน้นเรื่องของการสร้างความรู้และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เข้าสู่ธุรกิจ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน รวมถึงกับองค์กรภายนอก ทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ยังุม่งเน้นให้สมาชิกคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม และการให้ความรู้ พร้อมสนับสนุนให้สมาชิกคำนึงถึงการออกแบบบ้านมาตรฐานที่รองรับสังคมผู้สูงอายุ (Aging society) อีกด้วย

สำหรับการพัฒนา 3 นโยบายดังกล่าว ตลอดวาระ 3 ปี จะเห็นได้ว่า สมาคมฯ มุ่งเน้นการพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก คือต้องพัฒนาสมาชิก ผลักดันให้สมาชิกพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาบุคคลกร เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี นำไปสู่ความเชื่อมั่นต่อสมาคมฯ และธุรกิจรับสร้างบ้านต่อไป

โดยเป้าหมายของสมาคมฯ นอกจากเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคแล้ว สมาคมฯ ยังคงต้องการเพิ่มสัดส่วนทางด้านมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านให้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ราว 25% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมราว 12,500 ล้านบาท

ขณะที่ในปี 2563 คาดว่าสามารถดึงส่วนแบ่งมูลค่าตลาดรวมได้มากขึ้น 5% เนื่องด้วยปัจจัยหลายด้านทั้งการเพิ่มจำนวนสมาชิกรับสร้างบ้านในภูมิภาคและการกระตุ้นการรับรู้ พร้อมกับการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคของสมาคมฯ