posttoday

เศรษฐกิจชะลอแต่ราคาที่ดินที่ผ่านมายังเติบโต

18 พฤศจิกายน 2562

คอลัมน์ Property Digest

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบรรยากาศด้านเศรษฐกิจและการลงทุนเงียบเหงาลงไปเกือบจะทั่วโลก ดังที่เราจะเห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของหลายประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดเงินดิจิทัล ก็ไม่คึกคักอย่างที่คาดหวัง

อย่างไรก็ตามในด้านของอสังหาริมทรัพย์นั้น แม้ว่าภาพรวมจะไม่ได้เติบโตมากนัก แต่ในด้านของราคาที่ดินนั้นกลับปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนับแต่ปี 2556 – 2562 ราคาที่ดินในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมีการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้น 5.6% และที่น่าสนใจคือ ทำเลถนนเพชรบุรีราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10.41% ส่วนทำเลใกล้เคียง เช่นซอยทองหล่อ(ใกล้บีทีเอส) ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.12% และทำเลเอกมัย (สุขุมวิท 63) ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.26%

นอกจากนี้ยังพบว่าแม้ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจะชะลอและฝ่ายกำกับดูแลของภาครัฐออกมาตรการสกัดความร้อนแรงของอสังหาริมทรัพย์ (ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์แล้ว)

แต่เมื่อเปรียบเทียบราคาที่ดินปีนี้กับช่วงเดียวกันของปีก่อนพบว่าทำเลถนนเพชรบุรีราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 9.09% ทำเลเอกมัย (สุขุมวิท 63) ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 8.33% และซอยทองหล่อ(ใกล้บีทีเอส) ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 5.56%

การปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างโดดเด่นสูงกว่าค่าเฉลี่ยสำหรับที่ดินทำเลถนนเพชรบุรีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากในช่วงที่ผ่านมา (ปี 2559 – 2560) มีผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการทำให้มีอุปทานเสนอขายโดยเฉพาะในระดับราคา 3-5 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยประมาณ 80,000 –130,000 บาท/ตารางเมตร

ซึ่งราคานี้ถือเป็นระดับราคาที่คนซื้อมองว่าคุ้มค่าและสามารถเอื้อมถึงสำหรับคอนโดมิเนียมบนทำเลที่อยู่ไม่ห่างจากศูนย์กลางธุรกิจ สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้สะดวกโดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับซอยทองหล่อที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยยอดนิยม ของทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ซึ่งสาเหตุที่ซอยทองหล่อเป็นที่นิยมไม่เสื่อมคลายนั้น เพราะเป็นทำเลที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งร้านค้าและร้านอาหาร และที่สำคัญคือยังเป็นแหล่งแฮงเอาท์ยอดนิยม และยังเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจอย่างสะดวกด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส

อย่างไรก็ตามถึงแม้ย่านทองหล่อจะตอบโจทย์ความต้องการอย่างครบครันแต่ด้วยความจำกัดของที่ดินที่เหลือน้อยมากสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ และส่วนใหญ่โครงการในย่านนี้จะเป็นโครงการระดับลักซ์ชัวรี่

ดังนั้นความต้องการที่อยู่อาศัยจึงกระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง เช่น ถนนเพชรบุรี และเอกมัย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาที่ดินย่านดังกล่าวปรับขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เริ่มปักหมุดโครงการใหม่ในพื้นที่ถนนเพชรบุรี พบว่าราคาขายหลักจะอยู่ที่ 100,000 - 130,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นราคาน่าสนใจเมื่อเทียบกับทำเล

นอกจากนี้ยังพบว่าตลาดเช่าในทำเลนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 5-7% และมีอัตราการทำไรจากการขายต่อที่ 3–6% จึงถือเป็นทางเลือกของการลงทุนที่น่าสนใจอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับยุคดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้

ที่สำคัญราคาอสังหาริมทรัพย์นั้นแม้จะผ่านมากี่สภาวะเศรษฐกิจ แต่ในระยะยาวพบว่าราคามักจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และในส่วนของที่ดินเองที่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาอสังหาริมทรัพย์นั้นก็เป็นสินทรัพย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด นับวันก็ยิ่งเหลือพื้นที่สำหรับพัฒนาโครงการน้อยลงเรื่อยๆ จึงเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าและส่งผลต่อการเติบโตของราคาอสังหาริมทรัพย์

ดังนั้นสำหรับผู้ที่มีความพร้อมด้านกำลังซื้อ จังหวะนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ผู้ซื้อมีอำนาจในการต่อรองได้สูง แต่อย่างไรก็ตามทุกการลงทุนมีความเสี่ยงจึงควรศึกษาข้อมูลรอบด้านอย่างถี่ถ้วน

และพิจารณาเลือกซื้อโครงการที่มีคุณภาพจากดีเวลล็อปเปอร์ที่น่าเชื่อถือซึ่งจะมีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการบริหารจัดการโครงการและการเลือกทำเลที่มีศักยภาพและพิจารณาเลือกโครงการที่มีบริการหลังการขายที่ดี ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและได้อสังหาริมทรัพย์ที่ดีและคุ้มค่า ค่ะ