ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า บริษัทได้มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เห็นว่าหลายๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทย มีการจัดทำบ้านสีเขียว อีกทั้งโดยส่วนตัวได้เห็นถึงอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปี 2554 แล้วสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อยู่อาศัย และสังคมไทย จึงอยากจะส่งเสริมการรักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อม จึงได้มาริเริ่มศึกษา โครงการบ้านสีเขียวอย่างจริงจัง โดยมีการศึกษาวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ไปลงพื้นที่ในประเทศต่างๆ มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาให้เกิดประโยชน์ ทางเสนาจึงมุ่งดำเนินการธุรกิจสีเขียว หรือ Go Green ผลิตบ้านและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยที่มีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ บนหลังจากที่อยู่อาศัย ที่เรียกว่า โซลาร์รูฟท็อป และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) บริการแก่ผู้ใช้รถ EV ให้กับทุกโครงการของเสนา
โครงการบ้านและคอนโดของเสนาทุกหลังจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2556 ปัจจุบันมีกว่า 30-40 โครงการ กว่า 1,000 หลังคาเรือนแล้ว ซึ่งแต่ละบ้านในโครงการของเสนาสามารถเลือกโซลาร์เซลล์เองได้ ว่าแต่ละบ้านมีความต้องการใช้พลังงานเท่าไร อีกทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นชื่อ “เสนา 360 องศา” เป็นแอพพลิเคชั่นบริการหลังการขาย ที่จะมีข้อมูลแสดงสถานะของโซลาร์เซลล์ที่ติดหลังคาบ้านของเรา และยังบอกจำนวนการผลิตกำลังไฟฟ้า ประหยัดเงินจำนวนเท่าไร และที่สำคัญจะบอกว่าเราช่วยรักษาโลกไปจำนวนเท่าไรแล้วด้วย
"โซลาร์รูฟท็อปนับเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานทดแทนที่เทรนด์ของโลกมาแรง และนับวันก็ยิ่งมีต้นทุนที่ต่ำลง เราตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าและที่สำคัญยังช่วยให้ผู้ซื้อบ้านของเสนาทุกหลังจะได้ใช้ค่าไฟฟ้าที่ถูกลงตลอดระยะเวลา 25 ปีซึ่งคุ้มค่าอย่างมากขณะเดียวกันเสนายังนำโซลาร์รูฟท็อปมาติดตั้งเพื่อใช้ในพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมอีกด้วยซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการยกระดับสิ่งแวดล้อมให้กับสังคมไทย" ผศ.ดร.เกษรากล่าว
สำหรับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี)นั้นหลายฝ่ายเริ่มมองว่าอาจจะมาเร็วกว่าที่คิดไว้โดยเชื่อว่าปริมาณรถยนต์อีวีจะมีเพิ่มขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้าดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ของผู้รักษ์สิ่งแวดล้อมเสนาจึงวางเป้าหมายที่จะติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) ภายในโครงการของเสนาทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ EV ready รองรับยานยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าชนิดแบตเตอรี่ (BEV) ให้กับลูกค้าอีกด้วย.