ตลาดคอนโดไทยป่วน เซ็นจูรี่ฯชี้ทุนจีนหาย

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยป่วน เซ็นจูรี่ 21 ระบุนักลงทุนจีนหาย ยอดวูบ 50-60% หลังเหตุเรือล่มภูเก็ต

ปฏิเสธไม่ได้ว่านักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนเข้ามามีบทบาทกับการซื้อคอนโดมิเนียมเป็นอย่างมากในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการซื้อที่ลดลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศจีน

กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธาน และผู้ก่อตั้ง บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศ ไทย) กล่าวว่า ในปี 2560 มีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทย ไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีนถึง  70% สัดส่วนที่เหลือจะเป็นชาติฮ่องกง สิงคโปร์

ทั้งนี้ นับจากปี 2558 เป็นต้นมาตลาดผู้ซื้อชาวจีนนิยมมาซื้ออสังหาฯ ในไทยจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2560 สามารถปิดการขายได้ประมาณ 2,600 ยูนิต ในปีนี้ขายได้แล้ว 900 ยูนิต รวมมูลค่า 2 ปีกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าชาวจีนของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของลูกค้าชาวต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม นับจากครึ่งหลังปี 2561 การซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมีแนวโน้มลดลงมากถึง 50-60% ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์การท่องเที่ยวในไทย เช่น เรือล่มที่ภูเก็ต รวมถึงสภาพทางด้านเศรษฐกิจที่ทำให้ยอดการซื้อขายอสังหาฯ ของชาวจีนลดลง ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจในจีนมีแนวโน้มเกิดฟองสบู่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รัฐบาลจีนควบคุมเงินออกนอกประเทศคนละไม่เกิน 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ/ปี เป็นต้น

แม้ว่าปัจจุบันการซื้ออสังหาฯ ของชาวจีนลดลง แต่ยังพบความต้องการจากลูกค้าชาวจีนอย่างต่อเนื่องแม้จะไม่หวือหวา ซึ่งคาดว่าในปี 2562 การซื้อจากชาวจีนจะลดลงประมาณ 30% อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์นี้ จะเป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งภาครัฐไทยเริ่มออกมาตรการยกเลิกการเรียกเก็บค่าวีซ่ากับชาวจีน มาตรการนี้มีผลเชิงจิตวิทยากับกลุ่มลูกค้าจีนจะทำให้สถานการณ์นักท่องเที่ยวฟื้นตัว

สำหรับรูปแบบการลงทุนอสังหาฯ ของชาวจีน พบว่า ส่วนใหญ่ 51.8% ซื้อเพื่อการลงทุน/ปล่อยเช่า โดยคาดหวังผลตอบแทนลงทุน 5% ต่อปีขึ้นไป ขณะที่จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.7% ขณะที่ราคา อสังหาฯ ไทยถือว่าถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง อสังหาฯ ในไทยจึงมีความน่าสนใจในแง่การลงทุนมากทั้งด้านราคาและทำเล

ทางด้านรูปแบบห้องที่นักลงทุนชาวจีนนิยมนั้น จะชอบขนาด 1 ห้องนอน ราคาไม่เกิน 3-8 ล้านบาท/ยูนิต หรือ 8 หมื่น-1.5 แสนบาท/ตารางเมตร ส่วนใหญ่อยู่ทำเลพระราม 9 รัชดาฯ

"ที่ผ่านมาบริษัททัวร์ได้หันมาเป็นตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ หรือเอเย่นต์ควบคู่ไปกับการขายทัวร์ แต่เนื่องจากไม่มีผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้และต้องการผลตอบแทนที่สูง บางรายนำคอนโดที่อยู่ในทำเลห่างไกลไปขาย ซึ่งลูกค้าที่ซื้อกว่า 70-80% ไม่ได้ดูสินค้าก่อนซื้อ เมื่อถึงเวลาโอนอาจไม่มารับโอนได้ หรือบางรายเสนอว่าหากซื้อจะได้ผลตอบแทนสูง อาจทำให้ภาพรวมตลาดเสียหายได้ อย่างไรก็ดีเมื่อการท่องเที่ยวซบเซาก็ทำให้เอเย่นต์เหล่านี้หายไปด้วย" กิติศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย บริษัทได้หาลูกค้า กลุ่มใหม่ตามหัวเมืองรองซึ่งเดิมผู้ซื้อชาวจีนจะเป็นกลุ่มที่อยู่ในเมืองใหญ่ โดยได้เริ่มเข้าไปทำตลาดในเมืองรอง เช่น เหอหนาน และขยายไปเมืองอื่นๆ