posttoday

อสังหาคึกเปิดรถไฟฟ้า แบริ่ง-สมุทรปราการ 5 ธ.ค.

30 ตุลาคม 2561

พร้อมเปิดให้บริการสำหรับอสังหาฯโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ

โดย..อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

ดีเดย์พร้อมเปิดให้บริการสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่จะเปิดให้บริการวันที่ 5 ธ.ค. 2561 แน่นอนว่าตลอดเส้นทางสายนี้จะก่อให้เกิดการพัฒนาไปอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านที่อยู่อาศัยและแหล่งงาน

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายของทีม Data Insight บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) พบว่าสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรตามแนวรถไฟฟ้าเส้นนี้ที่มีระยะทางรวม 13 กิโลเมตรนั้น มีโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ในตลาดรวมทั้งสิ้น 283 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 115 โครงการ บ้านเดี่ยว 55 โครงการ และทาวน์โฮม 113 โครงการ

สำหรับทำเลติดรถไฟฟ้าในระยะไม่เกิน 800 เมตร โครงการที่ยังเปิดขายอยู่จะเป็นคอนโดเท่านั้น โดยมีให้เลือกกว่า 16 โครงการ ส่วนบ้านและทาวน์โฮมจะขยับจากแนวสถานีออกไป ทั้งนี้ที่อยู่อาศัยในจำนวน 283 โครงการ เป็นผลงานของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 190 ราย แต่มีเพียง 5 แบรนด์เท่านั้นที่มีการพัฒนาเกินกว่า 5 โครงการขึ้นไป

นอกจากนี้ พบว่าบริษัทที่ครองตลาดประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบอันดับ 1 ได้แก่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท มีการโครงการในพื้นที่รวม 19 โครงการ โดยเน้นที่การพัฒนาโครงการทาวน์โฮมเป็นหลัก ขณะที่อันดับที่ 2 เป็นของ บริษัท น้อมบุญ บริษัทรายกลางที่เน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลัก เช่น แบรนด์เลอ เน็กซ์ตร้า วงแหวน-ศรีนครินทร์ และแบรนด์เลอ นีโอ อีกหลายโครงการ ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ บริษัท แฟนตาเซีย วิลล่า เจ้าของโครงการขนาดเล็กแบรนด์แฟนตาเซีย วิลล่า ที่ตั้งอยู่ในซอยแบริ่งหลายโครงการ สำหรับบ้านเดี่ยวในย่านนี้มีราคากลางเริ่มต้นที่ 5.2 ล้านบาท/ยูนิต ในส่วนทาวน์โฮมมีราคากลางเริ่มต้นที่ 1.98 ล้านบาท/ยูนิต

ขณะที่ตลาดคอนโดตามแนวรถไฟฟ้าแบริ่ง-สมุทรปราการ อันดับ 1 ได้แก่ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งถือเป็นทำเลแจ้งเกิดของออริจิ้น มีคอนโดในย่านนี้มากถึง 8 โครงการ อันดับ 2 ได้แก่ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์
โดยไม่ได้เน้นการพัฒนาคอนโดที่ติดรถไฟฟ้ามากนัก ส่วนอันดับ 3 คือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งแต่ละโครงการก็กระจุกตัวอยู่ในซอยลาซาล สำหรับราคากลางของคอนโดในย่านนี้เท่ากับ 1.52 ล้านบาท/ยูนิต

สำหรับตลาดที่วัดระยะทางจากแนวรถไฟฟ้าและสถานี ในช่วงแรกระยะติดรถไฟฟ้ามีการพัฒนาประเภทคอนโดเป็นหลักเจ้าตลาด คือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีสัดส่วน 21% ของโครงการที่เกิดขึ้นรอบสถานี ทิ้งห่างจากอันดับอื่นๆ ไปมากทีเดียว แต่ในภาพรวมของแบริ่ง-สมุทรปราการ ในขณะนี้ยังเป็นตลาดเปิด และไม่มีการผูกขาดจากแบรนด์จากบริษัทรายใหญ่มากนัก

อสังหาคึกเปิดรถไฟฟ้า แบริ่ง-สมุทรปราการ 5 ธ.ค.

ในส่วนของราคาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้ามีราคากลางเริ่มต้น 1.56 ล้านบาท/ยูนิต โดยมีคอนโดเป็นหลัก ในขณะที่ถัดออกไปในระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตร ราคาคอนโดจะลดต่ำลง และดีดกลับมาอีกครั้งในระยะ 2-5 กิโลเมตรจากรถไฟฟ้า เนื่องจากขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้น ส่วนทาวน์โฮมจะมีราคากลางเริ่มต้นสูงสุดที่ระยะ 800 เมตร-2 กิโลเมตร คือ 2.3 ล้านบาท/ยูนิต และราคาจะถูกลงเมื่อโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ถัดออกไป เช่นเดียวกับบ้านเดี่ยวที่มีราคากลางเท่ากับ 3.49 ล้านบาท/ยูนิต

ทั้งนี้ โครงการส่วนใหญ่ในพื้นที่ส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ มีราคาเริ่มต้นไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็น 77% โดยเจ้าตลาดในกลุ่มราคานี้ ได้แก่พฤกษาเรียลเอสเตท และออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยที่ออริจิ้นจะจับตลาดเริ่มต้นไม่ถึง 1.5 ล้านบาทมากกว่า เอาชนะแบรนด์ใหญ่สายประหยัดอย่าง บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ไปได้ ส่วนพฤกษาเรียลเอสเตท จะจับตลาดราคาประมาณ 1.5-3 ล้านบาทมากกว่า

ขณะที่โครงการซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปยังคงเป็นตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยมีบริษัท น้อมบุญที่เน้นทำเลเกาะตามถนนใหญ่ไม่นิยมเข้าซอย ขณะที่ บริษัท แฟนตาเซีย วิลล่า จะปักหลักอยู่ในซอยลาซาล เน้นทำเลใกล้สถานีแบริ่งใกล้เมืองเดินทางสะดวก

ด้าน สุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในช่วงปลายปีนี้จะส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดรอบสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งจะพัฒนาเพิ่มมากขึ้น เช่น สถานีเอราวัณ สถานีสำโรง และแบริ่ง เป็นต้น ซึ่งเป็นแหล่งชุมชน นอกจากนี้หากมีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง ก็จะทำให้สถานีสำโรงเป็นอินเตอร์เชนจ์ที่สำคัญ และหากผังเมืองสมุทรปราการมีการปรับสีผังใหม่เพื่อให้สอดรับการพัฒนา ก็จะผลักดันให้กลายเป็นศูนย์กลางในการเดินทางเชื่อมเข้าเมือง โดยจะเป็นทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งงานและช็อปปิ้ง

ขณะเดียวกันมองว่าแม้ปัจจุบันจะมีซัพพลายทั้งแนวราบและสูงอยู่เป็นจำนวนมากแต่ไม่น่าห่วง เพราะมีการชะลอการเปิดโครงการใหม่ใน 1-2 ปีก่อนหน้านี้ และเชื่อว่าแนวโน้มทั้งดีมานด์และซัพพลายของตลาดที่อยู่อาศัยยังไปได้ดีกว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วง เพราะการเข้าสู่เมืองง่ายกว่าอีกทั้งค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับที่รับได้

อย่างไรก็ดี หลังการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการจะทำให้ทั้งราคาที่อยู่อาศัยและราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกมากโดยเห็นความชัดเจนตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้ราคาที่ดินอยู่ที่ราว 1.5-3 แสนบาท/ตารางวา ซึ่งพื้นที่นี้ยังจะขยายตัวได้อีกมาก เพราะที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการยังมีอยู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะพื้นที่รอบสถานีขึ้นอยู่ที่ว่าแบรนด์ไหนจะเห็นลู่ทาง ซึ่งต้องจับตามองกันต่อไปในอนาคต