posttoday

แนวรถไฟฟ้าสีเขียว-คูคตคึก อสังหาเร่งเปิดตัวชิงกำลังซื้อ

13 ตุลาคม 2561

บาเนียเผยผลสำรวจตลาดอสังหาฯ แนวรถไฟฟ้าหมอชิตคูคต รายใหญ่เรียงหน้าผุดโครงการ ขณะที่รายกลาง-เล็กสอดแทรกตลาด

บาเนียเผยผลสำรวจตลาดอสังหาฯ แนวรถไฟฟ้าหมอชิตคูคต รายใหญ่เรียงหน้าผุดโครงการ ขณะที่รายกลาง-เล็กสอดแทรกตลาด

น.ส.อัญชนา วัลลิภากร ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) บริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาเกี่ยวกับบิ๊กดาต้าธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ได้สำรวจโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-คูคต ระยะทาง 18.4 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2563

สำหรับภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยตามเส้นทางส่วนต่อขยายในระยะ 5 กม. ขนานไปกับเส้นทางรถไฟฟ้า ประกอบไปด้วยบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด จำนวน 268 โครงการ ทาวน์โฮมจำนวน 290 โครงการ และคอนโดมิเนียม จำนวน 425 โครงการ และกว่า 900 โครงการที่สำรวจพบ เป็นโครงการของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท มากที่สุด รองลงมาเป็น บริษัท ศุภาลัย บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทรายกลาง รายเล็ก เช่น บริษัท แอสเซทไวส์ และบริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ เป็นต้น

ด้านโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ยังคงเป็นเจ้าตลาด โดยมีจำนวนโครงการที่มาก กว่าบริษัทอื่น แต่แบรนด์อื่นๆ ก็พร้อมจะเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าที่ยังมีช่องว่างอยู่ ทั้งนี้ โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่ตั้งอยู่ในระยะไม่เกิน 2 กม. จากรถไฟฟ้าส่วน ต่อขยาย หมอชิต-คูคต ส่วนใหญ่ราคาเริ่มต้นอยู่ในช่วง 1-3 ล้านบาท คิดเป็น 41.5% ขณะที่ราคา 3-7 ล้านบาท มีอีกกว่า 38.2% โดยมีราคากลางเริ่มต้นที่ 3.2 ล้านบาท/ยูนิต ส่วนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4.8 ล้านบาท/ยูนิต

ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในระยะไม่เกิน 800 เมตร ในพื้นที่ส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต ส่วนใหญ่มีราคา 1-3 ล้านบาท มีสัดส่วน สูงถึง 55.7% และราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท อีก 31.4% มีผู้นำตลาดคอนโด ติดรถไฟฟ้า 3 อันดับแรก ได้แก่ รีเจ้นท์ กรีนพาวเวอร์ ซึ่งจับตลาดราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1 ล้านบาท ถือว่าเป็นเจ้าใหญ่ที่ครองตลาดคอนโดระดับล่างติดรถไฟฟ้าในเส้นทางนี้ ส่วนอันดับที่ 2 และ 3 ได้แก่ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และศุภาลัย ที่มุ่งเน้นในตลาด 1-3 ล้านบาท เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบ แต่ละแบรนด์ตามราคา จะพบว่าตลาด ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นของบริษัท รีเจ้นท์ กรีน พาวเวอร์ ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องราคาและทำเลที่สะดวกในการเดินทาง ส่วนเจ้าตลาดในกลุ่มราคา 1-3 ล้านบาท และราคา 3-7 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท  โดยอันดับ 2 ได้แก่ บริษัท ศุภาลัย ส่วนที่อยู่อาศัยราคาตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป เป็นของ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)

จากข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่ตลาดที่จะผูกขาดการค้ากันได้ง่ายๆ และทำให้ผู้บริโภคยังมีทางเลือกในการซื้อที่อยู่อาศัยที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณที่มี