posttoday

ส่องตลาดคอนโดหรู เพนต์เฮาส์โตต่อ

04 ตุลาคม 2561

ตลาดคอนโดมิเนียมหรูโดยเฉพาะห้องสูทเพนต์เฮาส์ ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนที่ซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองหรือเป็นสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต

อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

ตลาดคอนโดมิเนียมหรูโดยเฉพาะห้องสูทเพนต์เฮาส์ ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนที่ซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองหรือเป็นสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต แม้ราคาจะค่อยข้างสูงแต่เพราะด้วยจำนวนยูนิตในแต่ละโครงการที่มีไม่มากจึงทำให้เป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ซื้อระดับบน

ทั้งนี้ จากข้อมูลของเจแอลแอล พบว่า ความต้องการห้องสูทเพนต์เฮาส์ขยายตัวต่อเนื่อง โดยภาพตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ ช่วงปี 2556-2560 มีห้องสูทเพนต์เฮาส์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 77 ยูนิต หรือราว 6% ต่อปี โดยในปีนี้จะสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นราว 7% หรือ 104 ยูนิต จากปีที่แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้เป็นของโครงการระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ 43 ยูนิต คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้จะมีห้องเพนต์เฮาส์รวมประมาณ 1,590 ยูนิตของตลาดรวมคอนโดในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเป็นยูนิตในโครงการระดับหรูรวม 440 ยูนิต

นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพนต์เฮาส์ในโครงการคอนโดระดับหรูมีราคาปรับขึ้นไปแล้วกว่า 30% และยังคงมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อไป โดยเฉพาะในโครงการใหม่เนื่องจากราคาที่ดินแพงและหาแปลงใหญ่ยากต่อการพัฒนา

สุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล เปิดเผยว่า ปัจจุบันเพนต์เฮาส์มีราคาขายอยู่ระหว่าง 60-300 ล้านบาท/ยูนิต ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง ขนาดยูนิต และชื่อเสียงของโครงการ โดยราคาต่อยูนิตที่สูงจึงทำให้เพนต์เฮาส์มีฐานผู้ซื้อที่แคบกว่าเพราะเป็นกลุ่มนิชมาร์เก็ต อีกทั้งด้วยที่ดินในย่านศูนย์กลางธุรกิจและริมแม่น้ำที่หายากมีราคาสูงต่อเนื่องทำให้ผู้พัฒนาคอนโดไม่มีการทำเพนต์เฮาส์ในกลุ่มคอนโดระดับกลางและล่าง จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำกัดการเพิ่มจำนวน ทั้งนี้จะมีเฉพาะโครงการระดับหรูโดยสัดส่วนจะอยู่ 2-3% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดของโครงการทำให้ห้องสูทเพนต์เฮาส์มีราคาต่อยูนิตสูง โดยระดับราคาที่ขายได้เร็วคือ 100-150 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี เพนต์เฮาส์สร้างเสร็จใหม่ในช่วงเมื่อไม่นานมานี้ และที่มีกำหนดจะสร้างเสร็จในอนาคต ส่วนใหญ่จะอยู่ในโครงการระดับหรู รวมถึงคอนโดที่บริหารโดยแบรนด์โรงแรมที่มีชื่อเสียง ทั้งนี้มีโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีกำหนดจะสร้างเสร็จในปลายปีนี้ ได้แก่ โครงการโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ โครงการบันยัน ทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพและโครงการเดอะ เรสสิเด้นซ์ แอท แมนดาริน โอเรนทอล (ไอคอนสยาม) ด้วยต้นทุนและคุณภาพของโครงการเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ราคาเพนต์เฮาส์เฉลี่ยโดยรวมขยับตัวสูงขึ้นต่อไปอีก

พร้อมกันนี้ เชื่อว่าโครงการใหม่ๆ เหล่านี้ จะมีผลทำให้ตลาดคอนโดระดับหรูของกรุงเทพฯ ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการซื้อเพนต์เฮาส์ระดับหรูไว้เป็นของสะสมด้วยคุณสมบัติพิเศษและจำนวนที่จำกัด คาดว่าเพนต์เฮาส์ในโครงการคอนโด
ที่สร้างเสร็จแล้วจะมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นเช่นกัน จากความได้เปรียบของต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่าโครงการที่จะเปิดใหม่ในอนาคต

สำหรับกลุ่มผู้ซื้อหลักของตลาดกลุ่มนี้จะเป็นคนไทยที่ต้องการที่พักอาศัยในเขตศูนย์กลางธุรกิจสำหรับใช้ในช่วงระหว่างวันทำงานหรือให้บุตรหลานพักอาศัย ส่วนผู้ซื้อชาวต่างชาติ เป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาพักผ่อนช่วงวันหยุดยาว โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้อจากเอเชีย อาทิ ฮ่องกง และจีน เป็นต้น

ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่าด้วยราคาซื้อขายที่สูงจึงไม่นิยมที่จะซื้อเพนต์เฮาส์ไว้สำหรับการปล่อยเช่า เพราะผู้ซื้อไม่อาจคาดหวังผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่คุ้มค่าได้ สำหรับเพนต์เฮาส์ที่มีเสนอให้เช่าอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นยูนิตในโครงการเก่าที่เจ้าของซื้อมาในราคาไม่สูงดังเช่นที่เสนอขายในปัจจุบัน จึงสามารถเสนอค่าเช่าในระดับที่ผู้เช่ามีกำลังในการจ่ายได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ซื้อเพนต์เฮาส์ใหม่ๆ ส่วนใหญ่ซื้อไว้เพื่อใช้เอง อย่างไรก็ดีด้วยปัจจัยเรื่องของราคาที่ดินจึงทำให้แนวโน้มขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้องเพนต์เฮาส์มีขนาดเล็กลง คือ ราว 200 ตารางเมตร (ตร.ม.) บวก จากเมื่อ 5 ปีที่แล้วจะอยู่ที่ราว 300 ตร.ม.

เดชา ตั้งสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม่น้ำเรสซิเดนท์ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีความคึกคักอย่างมาก ภายหลังการเปิดตัวของโครงการระดับซูเปอร์ลักซชัวรี่ริมน้ำเจ้าพระยาซึ่งจะมีกำหนดแล้วเสร็จปลายปีนี้ ส่งผลให้ตลาดคอนโดริมน้ำกลับมามีสีสันอย่างมาก และมูลค่าทรัพย์สินปรับตัวสูงขึ้นเทียบเท่าตลาดคอนโดระดับลักซ์ชัวรี่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ ดึงดูดกำลังซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศไหลเข้าพื้นที่ริมแม่น้ำ

ในส่วนของโครงการแม่น้ำเรสซิเดนท์ ปัจจุบันมียูนิตที่อยู่ระหว่างการขายรวม 22 ยูนิต จากทั้งหมด 294 ยูนิต มีห้องเพนต์เฮาส์ในโครงการอยู่ 9 ยูนิต ขณะนี้เหลือขายอยู่ 6 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 270-280 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 60-80 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1 แสนบาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นจากเมื่อเปิดพรีเซลซึ่งอยู่ที่ราว 1.4 แสนบาท/ตร.ม. คาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการในอีก 6 เดือนถึง 1 ปีข้างหน้า ขณะที่ปัจจุบันราคาคอนโดโซนริมแม่น้ำเจ้าพระยาขายเฉลี่ยเกือบ 3 แสนบาท/ตร.ม. อย่างไรก็ดีเชื่อว่าด้วยทำเลและโปรดักต์จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและเป็นสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต