posttoday

ไม้ดอกไม่มีดอก

23 สิงหาคม 2561

เลือกซื้อไม้ดอกมาจากร้าน พอนำกลับมาปลูกที่บ้านเป็นอันต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลา แถมนานวันเข้าก็ยังไม่มีดอกใหม่ออกมาให้ชื่นชมอีก

โดย..นิตยสารบ้านและสวน

บ่อยครั้งที่เลือกซื้อไม้ดอกมาจากร้าน พอนำกลับมาปลูกที่บ้านเป็นอันต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลาทุกที แถมนานวันเข้าก็ยังไม่มีดอกใหม่ออกมาให้ชื่นชมอีก จนหลายคนเริ่มท้อใจย้ายไปปลูกไม้ใบแทน แต่ใช่ว่าสวนสวยๆ ของเราจะต้องขาดสีสันไปเสียทีเดียว

ไม้ดอกมีทั้งพันธุ์ที่ออกดอกตลอดปีและออกดอกตามฤดูกาล โดยส่วนมากมักจะออกดอกหลังจากผ่านฤดูหนาวไปแล้วประมาณปลายเดือน ม.ค.-ก.พ. เพราะช่วงฤดูหนาวอากาศจะแห้ง ความชื้นน้อย กลางวันสั้นกว่ากลางคืน ต้นไม้จึงมีการสังเคราะห์แสงน้อยลง ทำให้เกิดการทิ้งใบและอาหารบางส่วนที่สะสมอยู่บริเวณปลายยอดไม่ถูกนำไปใช้งาน เมื่อพ้นช่วงฤดูหนาวแล้วอาหารที่สะสมอยู่นี้จะทำให้ต้นไม้แตกยอดและออกดอกใหม่ ส่วนการติดดอกนอกฤดูกาลก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการหลอกธรรมชาติ เช่น การอดน้ำ การเร่งยา เพื่อให้ออกดอก ซึ่งปัจจัยในการติดดอกและการเร่งดอกมีดังนี้

1. ชนิดพันธุ์ ควรเลือกพรรณไม้ที่เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยอย่างไม้ดอกเมืองร้อน เพราะดูแลรักษาง่าย เจริญเติบโตได้ดี เช่น ดาวเรือง บานชื่น สร้อยไก่ ดาวกระจาย หรืออาจเลือกปลูกไม้ดอกเมืองหนาวชนิดที่สามารถปรับตัวทนร้อนได้ เช่น ผีเสื้อสายพันธุ์เทลสตาร์ (Telstar) ซึ่งการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวมีวิธีการปลูกเหมือนกับการปลูกไม้ดอกทั่วๆ ไป ทั้งการเพาะเมล็ด การดูแลรักษา แต่อาจแตกต่างกันที่อุณหภูมิอากาศเท่านั้น

2. สถานที่ปลูก ควรสำรวจพื้นที่ปลูกให้เหมาะสมกับชนิดต้นไม้ที่จะปลูก ทั้งปริมาณแดด ความชื้น การถ่ายเทอากาศ ซึ่งถ้าสภาพแวดล้อมดีก็ย่อมทำให้ต้นไม้ที่ปลูกออกดอกสวยงาม โดยไม้ดอกส่วนใหญ่มักชอบแดด แต่ถ้าหากได้แสงแดดมากหรือน้อยเกินไปก็อาจทำให้ลำต้นยืดยาว ดอกซีดจางหรือไม่ออกดอกได้ เราสามารถแก้ไขได้โดยเปลี่ยนสถานที่ปลูกหรือปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น การปลูกไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงาและเก็บกักความชื้น

ไม้ดอกไม่มีดอก

3. การตัดแต่ง ไม้ดอกส่วนมากควรได้รับการตัดแต่งหรือเด็ดยอดเพื่อให้เกิดการแตกกิ่งใหม่จึงจะได้ทรงพุ่มแน่น ลดความสูงของต้น และเกิดตาดอกมากขึ้น สามารถทำได้โดยการใช้มือเด็ดบริเวณปลายยอดในช่วงเช้าขณะที่เนื้อเยื่อของพืชยังอวบน้ำ ทำให้เวลาเด็ดกิ่งจะหักง่ายกว่าตอนสายหรือตอนบ่าย และควรรีบเด็ดยอดเมื่อดอกชุดแรกเริ่มโรยหรือบอบช้ำ เพื่อไม่ให้แย่งธาตุอาหารจากลำต้นและดอกสมบูรณ์อื่นๆ

4. ปุ๋ย ระยะการเจริญเติบโตของไม้ดอกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ซึ่งแต่ละช่วงมีความต้องการธาตุอาหารที่แตกต่างกัน ในช่วงแรกเป็นการเจริญเติบโตของต้นควรเน้นการบำรุงต้นและใบ โดยอาจให้ธาตุสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 เพื่อให้ต้นสมบูรณ์ ในช่วงต่อมาเป็นการเจริญเติบโตของดอก ควรเน้นธาตุฟอสฟอรัส (P) เพื่อช่วยในการสะสมตาดอกและควรลดธาตุไนโตรเจน (N) เพราะหากได้รับไนโตรเจนมากเกินไปจะทำให้ลำต้นอวบ ผลิใบมาก และไม่ออกดอก สำหรับวิธีการให้ปุ๋ย นิยมใช้ปุ๋ยฟอสเฟตหรือหินฟอสเฟตบดละเอียดรองพื้นหรือก้นหลุมก่อนปลูก

5. การรดน้ำ ปริมาณน้ำมีผลต่อการดูดซึมธาตุอาหารจากดิน ยิ่งในช่วงออกดอกหากต้นไม้ได้รับน้ำและธาตุอาหารมากเกินไปอาจทำให้ไม่ออกดอกตามต้องการ ดังนั้นช่วงก่อนออกดอกอาจงดให้น้ำประมาณ 9-15 วัน เพื่อป้องกันรากดูดธาตุไนโตรเจนขึ้นมาหลังจากดอกเริ่มบานจึงค่อยเริ่มให้น้ำใหม่ เพื่อช่วยยืดอายุดอกให้ยาวนาน

6. โรคและแมลง ดอกไม้สวยๆ ย่อมคู่กับแมลง ซึ่งแมลงก็เป็นพาหะสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อโรคบางชนิดที่อาจติดมากับอวัยวะของมันจากต้นที่เป็นโรคไปสู่ต้นอื่นๆ โดยมักพบปัญหาติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส เช่น โรคใบจุด ใบไหม้ ดอกบิดเบี้ยวเสียรูปทรง ดอกเน่า หรืออาจพบความผิดปกติจากสาเหตุอื่นๆ เช่น กาฝาก ที่ขึ้นไปแย่งดูดกินสารอาหารบนกิ่งไม้ ทำให้ไม่มีดอกหรือเกิดอาการผิดปกติที่ดอกได้