posttoday

อสังหาปรับทิศ ร่วมกระแสรักษ์โลก

30 กรกฎาคม 2561

กระแสรักษ์โลกมาแรง ไม่ว่าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเริ่มหันมาใส่ใจกันมากขึ้น รวมไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยด้วย

โดย อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

กระแสรักษ์โลกมาแรง ไม่ว่าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเริ่มหันมาใส่ใจกันมากขึ้น รวมไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยด้วย ที่ผ่านมาจะเริ่มเห็นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้กับโครงการบ้านเพิ่มขึ้นด้วยรูปแบบการร่วมมือระหว่างองค์กร ซึ่งไม่ใช่เฉพาะบิ๊กเนมเจ้าของเมกะโปรเจกต์เท่านั้น

ปัจจุบันผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลางได้ใช้โมเดลนี้ในการสร้างความโดดเด่นหวังชิงแชร์ตลาดเช่นกัน ทั้งนี้ในแต่ละปีมูลค่าการก่อสร้างรวมตลาดกรีนบิลดิ้งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ราว 9,700 ล้านบาท

ศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้จับมือกับทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) หรือทีโอเอ นำร่องโดยการนำผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร ภายใต้แนวคิด กรีนอินโนเวชั่น มาใช้ในการพัฒนาโครงการบ้านดี เดอะแฮมิลตัน ชัยพฤกษ์-วงแหวน เป็นแห่งแรก และพร้อมต่อยอดร่วมมือสำหรับโครงการในอนาคต

สำหรับบ้านดี เดอะแฮมิลตัน ชัยพฤกษ์-วงแหวน เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์อิงลิชคอตเทจ จำนวน 496 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 49 ไร่ ตั้งอยู่ติดถนนบางกรวย-ไทรน้อย มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ เนื้อที่ดินเริ่มต้น 18.50 ตารางวา (ตร.ว.) ขึ้นไป พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 98.55 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ทั้งนี้ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือน ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา พร้อมเปิดขายและก่อสร้างแล้วเสร็จบางส่วนในเดือน ก.ย.นี้

ขณะเดียวกันด้านหน้าโครงการบริษัทมีแผนพัฒนาเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ โดยมีอาคารพาณิชย์ 2-3 ชั้น ขนาดที่ดิน 22 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 120-180 ตร.ม. จำนวน 9 ยูนิต เพื่อรองรับลูกบ้านในโครงการอีกด้วย

โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในการพัฒนารูปแบบของทาวน์โฮมให้เทียบเท่าบ้านเดี่ยวด้วยรูปแบบดีไซน์สำหรับการใช้ชีวิตและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปนอกเหนือจากการพัฒนาฟังก์ชั่นของที่อยู่อาศัย แล้วยังมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ภายในบ้านอีกด้วย อาทิ ระบบสมาร์ทโฮม ระบบสมาร์ทซีเคียวริตี้ รวมถึงสมาร์ทฟังก์ชั่น เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่มสามารถใช้ชีวิตได้ลงตัว สะดวกสบายสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

“โครงการนี้ได้เลือกใช้สีทีโอเอซีรี่ส์ใหม่ ซึ่งได้รับการพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ กรีน อินโนเวชั่น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นสีที่ไม่มีสารตะกั่วปนเปื้อน ปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัยทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็ก-วัยผู้สูงอายุ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของโครงการ โดยจะใช้ทั้งกับตัวบ้านและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ซึ่งจะมีการขยายความร่วมมือในโครงการอื่นๆ ของบริษัท รวมทั้งการทำกิจกรรมซีเอสอาร์ร่วมกันด้วย” ศิริพงษ์ กล่าว

ศิริพงษ์ กล่าวถึงแผนการทำงานของบริษัท ดี-แลนด์ หลังจากนี้ว่า กลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการของบริษัทนั้นจะยังคงเน้นพัฒนาอสังหาฯ ประเภททาวน์โฮม โดยให้ความสำคัญเรื่องของการออกแบบฟังก์ชั่นเช่นเดียวกับบ้านเดี่ยวควบคู่กับการพัฒนาดิจิทัลโฮม และกรีน อินโนเวชั่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทั้งเรื่องของโปรดักต์และราคา

อสังหาปรับทิศ ร่วมกระแสรักษ์โลก

นอกจากนี้ บริษัทจะรุกทำเลใกล้เมืองมากขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีความต้องการพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยที่กว้างขวาง สะดวกสบาย ในราคาที่คุ้มค่าและยังคงสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็วไม่แพ้ทำเลกลางเมือง โดยปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 300-400 ล้านบาท

รวมทั้งการเร่งสร้างแบรนด์พร้อมชูคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างไปพร้อมกับการรุกทำตลาดออนไลน์มากขึ้นจาก 20-30% เป็น 40-50% โดยปีนี้บริษัทได้มีการเพิ่มงบทำตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 3% จากปกติอยู่ที่ราว 2% พร้อมตั้งเป้ารับรู้รายได้ปีนี้ที่ 1,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วทำได้กว่า 700 ล้านบาท

ในส่วนของภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในครึ่งปีหลังเห็นว่า ตลาดเริ่มขยับและเติบโตมากขึ้นหลังจากการลงทุนภาครัฐ การเลือกตั้งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขณะที่มองว่าตลาดทาวน์โฮมเริ่มจะเข้ามาแทนที่บ้านเดี่ยวในบางพื้นที่ เนื่องจากราคาที่ดินสูงเมื่อนำมาพัฒนาโครงการแล้วเกินกำลังซื้อของผู้บริโภค

ด้าน พงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า โครงการบ้านดี เดอะแฮมิลตัน เป็นโครงการนำร่องที่เน้นในเรื่องของความปลอดภัยของลูกบ้านและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมซึ่งสอดคล้องกับแนวทางกรีน อินโนเวชั่นของทีโอเอ ซึ่งมีอยู่ 3 เรื่องคือ Clean Green Safe เป็นสีสะอาด ปลอดภัย ปราศจากโลหะหนัก ไม่มีสารระเหยที่เป็นพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกของคนที่จะซื้อบ้าน

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาคเอกชนอย่างทีโอเอ ในฐานะผู้ผลิตต้องคอยตื่นตัวและพัฒนาตนเองให้สอดรับกับพัฒนาการของลูกค้าโดยเฉพาะในภาคอสังหาฯ ในวันนี้การพัฒนาโครงการมีคอนเซ็ปต์ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมสีค่อยๆ ยกระดับขึ้นไปในระยะยาว และจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคด้วย

ขณะที่ภาพรวมตลาดสีช่วงครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโตดีขึ้น เนื่องจากภาคอสังหาฯ ทุกเซ็กเมนต์มีการเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง และคาดว่าปีนี้ตลาดสีจะโตได้ราว 5% ของมูลค่าตลาดรวมที่มีอยู่เกือบ 2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันทีโอเอมีผลิตภัณฑ์สีอยู่ราว 9,600 เอสเคยู และพร้อมจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่รวมทั้งกรีนและอินโนเวชั่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคทุกกลุ่ม