posttoday

"ตราเพชร" ลุยชิงเค้ก ชี้ตลาดวัสดุก่อสร้างโตรอบ 3 ปี

22 กุมภาพันธ์ 2561

ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2561 มีโอกาสฟื้นตัวคาดว่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งถือว่าเติบโตได้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี

ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2561 มีโอกาสฟื้นตัวคาดว่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งถือว่าเติบโตได้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี

************************* 

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมทั้งการเร่งรัดโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่มมากขึ้นหลัง จากที่ตลาดวัสดุก่อสร้างโดยรวมชะลอตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

สาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เปิดเผยว่า นโยบายการลงทุนของภาครัฐและเอกชนส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศมีทิศทางเติบโต ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2561 มีโอกาสฟื้นตัวคาดว่าจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งถือว่าเติบโตได้ดีที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากเริ่มมีสัญญาณความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างปรับดีขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2560 เรื่อยมาถึงต้นปี 2561

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะทำภายใต้กลยุทธ์ Full Product Full Service เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ได้วางงบลงทุนที่ 270 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของสินค้าใหม่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกระเบื้องหลังคา กลุ่มไม้พื้นทีคลิป และไม้รั้วอินทนิล เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะรุกตลาดสินค้าตกแต่งมากขึ้น

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาได้มีการสร้างโรงงานผลิตโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป ด้วยงบลงทุน 10 ล้านบาท ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 500 หลัง/เดือน ขณะเดียวได้มีการลงทุนราว 40-50 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสายกำลังการผลิตจาก 3 โรงงาน ได้แก่ สระบุรี ขอนแก่น และเชียงใหม่ จากเดิมอยู่ที่ 9.8 แสนตัน/ปี เพิ่มเป็น 1.1ล้านตัน/ปี ในปีนี้

ขณะที่มีแผนเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) มากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากไทวัสดุ เมกาโฮม และโกลบอลเฮ้าส์ มีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกราว 18 สาขา จากปัจจุบันมี 110 สาขา โดยประมาณเดือน เม.ย. หรือ พ.ค.นี้ โกลบอลเฮ้าส์ จะเปิดสาขาที่พนมเปญ คาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายจากตลาดต่างประเทศปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ของยอดขายรวม

รวมทั้งการขยายตลาดกลุ่มลูกค้าโครงการทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทรับสร้างบ้านและลูกค้าภาคราชการที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยปีนี้คาดว่ารายได้จากโครงการอสังหาฯ จะโตขึ้น 14% จากปีที่แล้ว เนื่องจากมีแบ็กล็อกในมือประมาณ 108 ล้านบาท

ส่วนช่องทางผ่านเอเยนต์ปีนี้ลดลงอยู่ที่ 50% จากปีที่แล้วมีสัดส่วนถึง 55% เนื่องจากตลาดหดตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมากำลังซื้อในกลุ่มรากหญ้ายังไม่ฟื้น แต่ทว่ายังเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนสร้างรายได้มากสุด

สาธิต กล่าวว่า ส่วนแผนงานขยายตลาดต่างประเทศนั้น ตามแผนดำเนินงาน 3 ปี (2559-2561) ได้วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของยอดขายรวม โดยตลาดหลักกว่า 80% ยังคงเป็นกลุ่มซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยเฉพาะเมียนมานั้นบริษัทมีแผนรุกตลาดมากยิ่งขึ้นหลังจากที่จัดตั้งทีมงานฝ่ายขายในพื้นที่ เพื่อดูแลการขายโดยตรง เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีและยังมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพื่อการพัฒนาอสังหาฯ ในประเทศ คาดว่าใน 3 ปีข้างหน้าหากตลาดเมียนมาเติบโตได้ดีจะผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 30%

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาสินค้าใหม่โครงสร้างสำเร็จรูปคีออสก์ (ร้านเล็ก) ห้องน้ำสำเร็จรูป และแคมป์สำเร็จรูป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นโปรดักต์ในส่วนของแคมป์ก่อนในปีนี้ เนื่องจากอสังหาฯ ขยายตัวความต้องการมีสูง ส่วนโปรดักต์ที่เหลือจะทยอยออกในช่วง 1-2 ปีนี้

ในส่วนของผลประกอบการในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวมกว่า 4,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.57% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีกำไรสุทธิกว่า 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.99% สำหรับปี 2561 ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไม่ต่ำกว่า 5% และรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 25-27%

สาธิต กล่าวว่า  ในปีนี้ประเมินว่าตลาดวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ในภาวะทรงตัว ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหลังคามีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และตลาดผนังมีมูลค่าอยู่ราว 1.5-2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ทั้งสองตลาดอยู่ที่ 20%

ด้านเรื่องของราคาวัสดุก่อสร้างในปีนี้ คาดว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นแม้ราคาขนส่งจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการยังยืนรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะกังวลว่าจะกระทบดีมานด์ถ้ามีการขึ้นราคา

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รอปัจจัยภายนอกเข้ามาสนับสนุนเท่านั้น แต่ได้ปรับแผนและพัฒนากลยุทธ์เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการรุกสร้างแบรนด์และทำการตลาดต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งงบไว้ที่ 5% ทั้งนี้คาดว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มหลังคาคอนกรีตและกลุ่มไม้สังเคราะห์จะมีอัตราการเติบโตที่ดีและช่วยผลักดันเป้าหมายของบริษัทปีนี้ให้ขยายตัวได้ตามแผนที่วางไว้