posttoday

"เอสซีฯ" ชูโรดแมป 3 ปี โกยยอดขาย 6 หมื่นล้าน

08 กุมภาพันธ์ 2561

โมเดลธุรกิจจากนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องโปรดักต์และเซอร์วิสเท่านั้น แต่จะเพิ่มเรื่องของแพลตฟอร์มและโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

โลกมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปซึ่งทุกองค์กร ทุกธุรกิจอุตสาหกรรมกำลังถูกท้าทาย ซึ่งวิธีคิดแบบเดิมๆ ไม่สามารถทำให้องค์กรเดินต่อไปได้หากไม่มีการปรับตัวเนื่องจากดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ซึ่งโมเดลธุรกิจจากนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องโปรดักต์และเซอร์วิสเท่านั้น แต่จะเพิ่มเรื่องของแพลตฟอร์มและโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทจึงได้ประกาศโรดแมป 3 ปี หรือ SC RE-INVENTION 2020 โดยวางกลยุทธ์ 4 ด้านเพื่อก้าวสู่ Living Solutions Provider ผู้ให้บริการโซลูชั่นการใช้ชีวิต พร้อมกับตั้งเป้ายอดขายที่ 2.4 หมื่นล้านบาท รายได้ 2.2 หมื่นล้านบาทในปี 2563 และยอดขายรวม 3 ปีมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท

สำหรับแผนงานในช่วง 3 ปีนี้ ทางบริษัทได้มีการผนึกพาร์ตเนอร์ที่หลากหลายในอีโคซิสเต็มเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้นบนแลนด์สเคปใหม่ โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน นั่นก็คือ TOP-LINE GROWTH ซึ่งตั้งเป้าเติบโตทั้งยอดขายและรายได้สำหรับอสังหาฯ เพื่อขายโดยแนวราบมีสัดส่วนที่ 65% ส่วนแนวสูงอยู่ที่ 30% รวมทั้งอสังหาฯ เพื่อเช่า ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่อาคารสำนักงานเพื่อเช่ารวม 1.1 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) โดยสัดส่วนอยู่ที่ 5%

อย่างไรก็ดี เพื่อให้สามารถตอบรับดีมานด์ที่หลากหลาย บริษัทจึงได้มีการร่วมทุนกับ ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ตั้งบริษัท สโคป เพื่อขยายเซ็กเมนต์ให้หลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการขึ้นอยู่กับทำเลและดีมานด์แต่ละพื้นที่ โดยเตรียมพัฒนาโครงการใหม่แนวสูงรวมกว่า 10 โครงการ ใน 3 ปีนี้

สำหรับที่ดินหลังสวนพื้นที่กว่า 2 ไร่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะพัฒนาในรูปแบบใด แต่คาดว่าจะยังไม่พัฒนาโครงการในปีนี้ เนื่องจากบริษัทต้องการพัฒนาโครงการให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดเพราะเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองและเห็นว่าตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ยังมีความต้องการสูง ขณะที่ที่ดินสำหรับการพัฒนามีไม่มากนัก ทั้งนี้ เห็นว่าราคาขายมากกว่า 5 แสนบาท/ตร.ม. นั้น ตลาดยังมีดีมานด์

"เอสซีฯ" ชูโรดแมป 3 ปี โกยยอดขาย 6 หมื่นล้าน ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น

ด้านแผนการพัฒนาอสังหาฯ ในปีนี้ บริษัทเตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทยังคงมุ่งรักษาฐานผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 8 ล้านบาท พร้อมกันนี้จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท กับทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาทมากขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทเล็งเห็นโอกาสของการเติบโตของเมืองจากเมกะโปรเจกต์ตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จึงมีแผนพัฒนาโครงการใน จ.ฉะเชิงเทรา โดยตั้งเป้าในปี 2563 สัดส่วนมูลค่ายอดขายแนวราบกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจะอยู่ที่ 90:10

นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาแนวราบบนที่ดินแปลงใหญ่ 2 ทำเลทั้งฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออกและกรุงเทพฯ ตะวันตก ในรูปแบบ Township Concept Development ได้แก่ บริเวณ กรุงเทพกรีฑากว่า 115 ไร่ มีแผนพัฒนารวม 5 โครงการ มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มพัฒนา 2 โครงการ ระดับราคาขาย 3 ล้านบาทขึ้นไป/ยูนิต

อีกทำเลคือ บางกะดี จ.ปทุมธานี พื้นที่กว่า 200 ไร่ ตามแผนจะพัฒนา 7 โครงการ มูลค่าราว 4,500 ล้านบาท ขายระดับราคากว่า 2 ล้านบาท โดยทั้งสองทำเลจะเปิดขายในครึ่งปีหลังของปีนี้ อย่างไรก็ดี โครงการแนวราบกว่า  50% จะพัฒนาภายใต้แบรนด์ PAVE และ VERVE ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมระดับราคา 2-5 ล้านบาท

"เอสซีฯ" ชูโรดแมป 3 ปี โกยยอดขาย 6 หมื่นล้าน

ด้านแผนพัฒนาโครงการแนวสูงปีนี้มี 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ CENTRIC รัชโยธิน มูลค่า 1,500 ล้านบาท ทำเลใกล้ BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร เป็นอาคารสูง 21 ชั้น เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท เปิดพรีเซล มี.ค.ปีนี้และโครงการ THE CREST สุขุมวิท 23 มูลค่าราว 2,500 ล้านบาท จะเปิดขายประมาณไตรมาส 4 ปีนี้

พร้อมกันนี้ ได้เตรียมงบสำหรับซื้อที่ดินปีนี้ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วอยู่ที่ 8,000-9,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการให้ได้ต่อเนื่อง โดยบริษัทจะซื้อที่ดินที่มีศักยภาพและดีมานด์ซึ่งการซื้อที่ดินแปลงใหญ่ขึ้น มองว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดได้เพราะต้นทุนจะถูกลงแต่มีข้อเสียตรงรีเทิร์นเงินคืนช้าลง ทั้งนี้เชื่อว่าราคาที่ดินยังมีการปรับราคาตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแต่การเติบโตของราคาที่ดินจะช้าลงเฉลี่ยอยู่ที่ 5% จากเดิมราคาที่ดินปรับขึ้น 5-10%

สำหรับในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดขายและรายได้อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท หรือยอดขายเติบโตประมาณ 11% โดยปีนี้มีโครงการใหม่และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายทำให้มีสินค้าออกสู่ตลาดรวม 58 โครงการ มูลค่ารวม 5.6 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ยอดขายที่รอรับรู้รายได้หรือแบ็กล็อกอยู่ที่เกือบ  1 หมื่นล้านบาท ซึ่งรับรู้ปีนี้ 50% ขณะที่ปี 2560 บริษัทมียอดขายรวมกว่า 1.52 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ของตลาดบ้านเดี่ยว ราคามากกว่า 15 ล้านบาท และอันดับ 2 ของบ้านเดี่ยวรวมทุกระดับราคา อย่างไรก็ดี การปรับตัวครั้งนี้ก็เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน