posttoday

เอคิวยันพร้อมเดินหน้าต่อไม่หวั่นหนี้กรุงไทยหมื่นล.

30 กันยายน 2558

กลุ่มเอคิว เอสเตท ยืนยันยังเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ หลังตกเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชดใช้ค่าเสียหายหมื่นล้านคดีกรุงไทยปล่อยกู้

กลุ่มเอคิว เอสเตท ยืนยันยังเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ หลังตกเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชดใช้ค่าเสียหายหมื่นล้านคดีกรุงไทยปล่อยกู้

แม้ปัจจุบันกลุ่มเอคิว เอสเตท จะเปลี่ยนชื่อจากเดิมคือกฤษดามหานครเป็นเอคิวฯ หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่แล้ว แต่เมื่อมีกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อให้บริษัทเครือกฤษดามหานครโดยทุจริต ก็เลี่ยงไม่ได้ที่เอคิวฯ จะต้องเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท

ก่อนหน้านี้ กลุ่มเอคิวฯ ต้องออกโรงชี้แจงว่า คดีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับเอคิวฯ เพราะเงินกู้ก้อนนี้มีที่ดินย่านบางนา-ตราด จำนวน 4,323 ไร่ ค้ำประกันไว้กับธนาคารกรุงไทย ซึ่งราคาประเมินเมื่อปี 2555 มูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท สามารถนำมาประมูลขายครอบคลุมหนี้ได้ พร้อมกับยืนยันว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นเดิม

ปัจจัยดังกล่าวทำให้เอคิวฯ จะยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง โดย นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอคิว เอสเตท กล่าวว่า บริษัทจะยืนยันแผนเปิดโครงการใหม่ตามเดิม โดยไตรมาส 4 จะมีอย่างน้อย 3 โครงการ คือ ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ ส่วนบ้านเดี่ยวจะบุกตลาด จ.ชลบุรี เป็นครั้งแรก โดยจะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวมูลค่ารวมทั้งหมด 1,000 ล้านบาท เริ่มต้นเฟสแรกมูลค่า 200 ล้านบาท

ขณะที่ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการเอคิว เชดิ เป็น 1 ในโครงการทาวน์เฮาส์ บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ เป็นบ้าน 2 ชั้น จำนวน 86 ยูนิต มูลค่าโครงการ 360 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท บนถนนพหลโยธิน-รังสิต โดยเป็นโครงการเดิมและโครงการสุดท้ายที่เป็นของกฤษดามหานครเดิมที่ยังมีพื้นที่พร้อมพัฒนาเหลืออยู่ ซึ่งปัจจุบันทำเลนี้ราคาที่ดินสูงมาก และในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบน้อยมากและจะต้องเป็นบ้านระดับราคาสูง ยิ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีแดงผ่านจะยิ่งมีศักยภาพมากขึ้น

ในส่วนของบ้านล็อตเดิมที่เป็นกลุ่มบ้านหรูยังมีเหลืออีก 20 ยูนิต มูลค่ารวม 200 ล้านบาท และอีกหนึ่งโครงการทาวน์เฮาส์อยู่ใกล้กับสวนสยาม มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท ด้านยอดขายปีนี้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 2,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 2,000 ล้านบาท