บีทีเอสผนึกแสนสิริ สร้างอาณาจักรอสังหาฯ
ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในครึ่งปีหลังนั้นยังเติบโตได้ เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองนั้นยังมีอย่างต่อเนื่อง
โดย...โชคชัย สีนิลแท้
ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เมื่อผู้บุกเบิกรถไฟฟ้าเมืองไทย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือบีทีเอส ประกาศเดินหน้าโครงการร่วมทุนครั้งใหญ่ กับบริษัท แสนสิริ โดยมีแผนจะเปิดตัวทั้งแนวสูงและแนวราบไม่ต่ำกว่า 9 โครงการ ซึ่งกำหนดว่าแต่ละโครงการนั้นจะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าทั้งบีทีเอสและเอ็มอาร์ที 500 เมตร และแต่ละโครงการมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
คีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า บริษัทเคยมีประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาฯ ตั้งแต่เป็น ธนายง และเมื่อบริษัท แนเชอรัล พาร์ค บรรลุข้อตกลงการซื้อกิจการ 2 บริษัทในเครือบีทีเอส กรุ๊ป คือ บริษัท บีทีเอส แอสเสทส์ และบริษัท ก้ามกุ้ง พร็อพเพอร์ตี้ จึงเปลี่ยนโฉมเป็นบริษัท ยู ซิตี้ ที่ยังให้ความสำคัญกับธุรกิจอสังหาฯ
“แม้ว่าเราจะมีบริษัท ยู ซิตี้ ที่พัฒนาอสังหาฯ อยู่แล้ว ซึ่งตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทนี้จะมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวมไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท แต่ก็ยังมองหาโอกาสในการร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยร่วมกับบริษัท แสนสิริ ตั้งบริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง วัน เพื่อพัฒนาโครงการเดอะไลน์ จำนวน 841 ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,700 ล้านบาท” คีรี กล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในครึ่งปีหลังนั้นยังเติบโตได้ เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองนั้นยังมีอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนยิ่งเอื้อให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดระดับกลาง-บน ซึ่งจะเห็นได้ว่าโครงการ เดอะไลน์นั้นได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากได้เปิดการขายพร้อมกันใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี
ปัจจุบัน บีทีเอส มีรายได้จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส สร้างรายได้หลักกว่า 60% ของพอร์ต 2.ธุรกิจโฆษณา หรือวีจีไอ 3.ธุรกิจโรงแรมและการบริการ และ 4.ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ บริษัท ยู ซิตี้ และบริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง วัน รวมถึงบริษัทใหม่ที่จะตั้งขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสำคัญกับการประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้า 10 เส้นทางที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้มีการเร่งให้มีการเปิดประมูลงานก่อสร้างโครงการใหม่มากขึ้น ขณะที่งานก่อสร้างในต่างประเทศก็ยังให้ความสำคัญเช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะแพ้การประมูลการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ก็ตาม
เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ กล่าวว่า ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีความชัดเจนในโครงการร่วมทุนกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ว่าจะมีโครงการร่วมทุนที่ชัดเจนกี่โครงการบ้าง โดยในเบื้องต้นจะมี 9 โครงการ ซึ่งรูปแบบการร่วมทุนจะมีทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบกระจายอยู่หลายทำเล ไม่ว่าจะเป็นพญาไท สุขุมวิท อโศก และท่าพระ เป็นต้น ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) มียอดขายรวมแนวราบและแนวสูง 1.3 หมื่นล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ 4 หมื่นล้านบาท และมีสินค้าพร้อมขาย 5,000 ล้านบาท จำนวน 1,000 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นคอนโดที่อยู่ใน จ.ภูเก็ต ที่ต้องนำมาลดราคาขาย 5-10% เพื่อเร่งระบายสินค้า
สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเปิด 17 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโด 8 โครงการ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 5 โครงการ ประกอบด้วย คอนโด 2 โครงการ บ้านเดี่ยว 2 โครงการและทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ และมั่นใจว่าทั้งปีจะสามารถเปิดได้ครบตามเป้าที่วางไว้
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ซื้อโครงการอสังหาฯ ในประเทศอังกฤษ 2 แห่ง ที่กรุงลอนดอน มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อมาทำโครงการในรูปแบบเช่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว คาดว่าจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี ส่วนในปีหน้าช่วงเดือน ก.ค.จะเปิดตัวโครงการคอนโดหรูบริเวณถนนวิทยุ