posttoday

คีรีมายายัน50แปลงนส.3ก.ซื้อมาถูกต้อง

28 เมษายน 2558

คีรีมายารอลุ้นคำตัดสินของรัฐ แต่ยัน 50 แปลงซื้อมาจากหน่วยงานรัฐถูกต้อง

คีรีมายารอลุ้นคำตัดสินของรัฐ แต่ยัน 50 แปลงซื้อมาจากหน่วยงานรัฐถูกต้อง  

นายอรัฐ  เศวตะทัต กรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาโครงการ บริษัท คีรีมายา เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ของรัฐได้เข้าตรวจสอบทุกพื้นที่อย่างละเอียดในโครงการคีรีมายาประมาณ 1,200 ไร่ และแจ้งว่ามีพื้นที่บางส่วนในโซนสนามกอล์ฟอาจมีความเสี่ยงเข้าข่ายรุกล้ำที่ดินสปก. ซึ่งต้องรอให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบที่มาที่ไปของเอกสารสิทธิ์เหล่านี้อีกครั้ง

“บริษัทยินดีให้มีการตรวจสอบ จะได้กระจ่างว่าคีรีมายาไม่ได้เป็นผู้ร้ายในการบุกรุกที่ดินสปก.”

ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ทั้งโครงการของคีรีมายาซื้อมาจากหน่วยงานรัฐ รวมถึงสนามกอล์ฟก็เป็นการซื้อกิจการมาอย่างถูกต้อง ไม่มีส่วนใดที่ซื้อมาเพิ่มเติมจากบุคคล  ซึ่งรัฐก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับภาคเอกชนที่ซื้อกิจการมาอย่างถูกต้องด้วย โดยถ้าเอกสารสิทธิ์ของพื้นที่บางส่วนออกแบบอย่างมิชอบ ก็ต้องมีผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ เช่น ผู้ที่ออกเอกสารสิทธิ์ ซึ่งก็คงต้องรอให้มีข้อสรุปที่ชัดเจน คีรีมายาจึงจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร

สำหรับปัจจุบันธุรกิจโรงแรมยังไม่ได้มีผลกระทบ แต่ยอมรับว่ามีลูกค้าสอบถามบ้าง แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ ก็รู้ที่มาที่ไป ส่วนพื้นที่ส่วนคอนโดมิเนียมขายไม่มีปัญหาเลย ได้รับการยืนยันชัดเจนว่าไม่เข้าข่ายพื้นที่เสี่ยงแน่นอน

นายอรัฐ กล่าวชี้แจงที่มาของเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ครบทุกแปลงในโครงการคีรีมายา จำนวน 50 แปลง ว่า แบ่งเป็น 36 แปลงที่บริษัทฯได้ซื้อทรัพย์ที่เป็นโครงการสนามกอล์ฟพร้อมกิจการมาจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2545 และบริษัทฯได้รับส่งมอบการครอบครองทำประโยชน์พร้อมเอกสารสิทธิ์ครบถ้วน

ขณะที่อีก 14 แปลงมาจากการเสนอขายที่ดินของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (BAM) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามแผนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงินของกระทรวงการคลัง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2541 จึงเป็นข้อสรุปว่าการได้มาของที่ดินทั้ง 2 ส่วนล้วนมาจากหน่วยงานของรัฐทั้งสิ้นและยืนยันว่าไม่มีที่ดินแปลงใดในโครงการฯที่ซื้อมาจากบุคคลหรือชาวบ้านเลยแม้แต่แปลงเดียว ปัจจุบันบริษัทฯได้นำที่ดินนส.3 ก.จำนวนหลายแปลงมาขอออกโฉนด ตลอดจนดำเนินการขออนุญาตจัดสรรที่ดินและได้มีการจำหน่ายและโอนกรรมสิทธิ์ให้กับบุคคลภายนอกเรื่อยมาตั้งแต่ได้รับมอบที่ดินทั้ง 2 ส่วน

สำหรับข้อสงสัยว่าคีรีมายาได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และเขตอุทยานหรือไม่นั้น นายอรัฐระบุว่าที่ดินของโครงการคีรีมายา แยกออกจากเขตอุทยานชัดเจน โดยมีแนวถนนกันไฟสร้างโดยหน่วยงานของอุทยาน ใช้เป็นขอบเขตและมีหลักเขตของอุทยานแยกจากที่ดินโครงการคีรีมายาชัดเจน  จึงเป็นข้อยืนยันได้ว่าทางโครงการไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและเขตอุทยาน

ข้อพิสูจน์ในประเด็นของส.ป.ก.นั้น  ทางโครงการคีรีมายา ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าที่ดินทุกแปลงในโครงการมีเอกสารสิทธิ์ที่ได้มาก่อนการประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินพ.ศ.2534  อนึ่งที่ดินโครงการคีรีมายาซึ่งแต่เดิมเป็นโครงการสนามกอล์ฟเขาใหญ่คันทรีคลับมาก่อนนั้น ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2533 โดยมีเอกสารสิทธิ์นส.3 ก. เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน  จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวจะต้องได้รับมาก่อนปี พ.ศ.2533

ในกรณีเรื่องลำรางสาธารณะ  บริษัทฯขอยืนยันว่าลำรางสาธารณะในโครงการทั้งหมดยังคงอยู่ครบถ้วน  บริษัทฯไม่เคยทำการก่อสร้างใดๆเพื่อปิดกั้นทางน้ำ  หรือทำให้ลำรางสาธารณะหายไปแต่อย่างใด