posttoday

โมทีฟ หรูหรากับสไตล์ไม่สิ้นสุด

25 กันยายน 2552

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

ใครกำลังมองหาโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เก๋ ขอแนะนำโมทีฟ (Motif) ร้านเฟอร์นิเจอร์มีระดับ ที่รวมไว้ด้วยหลากหลายแบรนด์ดังจากอิตาลี บนชั้น 3 ของเอราวัณ แบงค็อกโมทีฟ

โมทีฟ เป็นการทำงานของกลุ่มหนุ่มสาวยุคใหม่ ที่มารวมตัวกันด้วยไฟแรงสูง ร้านก่อตั้งขึ้นในปลายปี 2547 พวกเขาเริ่มต้นจากแบรนด์อิตาลีชื่อ เมริดานี (Meridiani) จากนั้นค่อยๆทยอยนำเข้าแบรนด์หรูสไตล์เดียวกัน จนปัจจุบันมีกว่า 30 แบรนด์แล้ว อย่างไรก็ตาม เมริดานียังคงเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง ขายดีและเป็นที่รู้จักของลูกค้ามากที่สุด ที่สำคัญอาจกล่าวได้ว่าเมริดานีได้เติบโตขึ้นพร้อมกับโมทีฟ ประเทศไทย จนปัจจุบันแบรนด์ดังอิตาลีแบรนด์นี้ โด่งดังและขยายสาขาไปทั่วโลก

“เราไปเจอคนที่มิลาน แม้ตอนนั้นเมริดานีจะยังโนเนม แต่เรามองเห็นเขา” เอกรัตน์ วรรณรัตน์ ผู้บริหาร บริษัท โมทีฟ กรุงเทพ กล่าว

การเติบใหญ่ของเมริดานี ถือเป็นความปลาบปลื้มของกลุ่มผู้ก่อตั้ง รวมทั้งเจ้าของแบรนด์ในอิตาลีก็ปลาบปลื้มโมทีฟมาก เนื่องจากเป็นเจ้าแรกที่นำเข้าแบรนด์นี้ในเอเชีย ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่โมทีฟเปิดดำเนินการไม่นาน แบรนด์เมริดานีก็ทยอยเปิดจนเกือบจะครบทุกประเทศแล้วในเอเชีย และทั้งหมดเป็นเพราะผู้นำเข้าประเทศต่างๆ ได้บินมาพบแบรนด์นี้ในประเทศไทย

ระยะเวลาผ่านมากว่า 4 ปี ปัจจุบันโมทีฟนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และสินค้าแต่งบ้าน ได้แก่ ไฟ โคมและอื่นๆ ใน 4 แบรนด์หลัก นอกจากเมริดานี ก็ยังมีฟริเกตโต (Frighetto) เฟอร์นิเจอร์หรูดีไซน์สนุก ดีไซเนอร์ของฟริเกตโตต่างมีชื่อเสียงและโดดเด่นในทางของตัวเอง เช่น คาริม ราชิต หรือรอส เลิฟกรูฟ เป็นต้น อีกแบรนด์หนึ่งคือแบกซ์เตอร์ (Baxter) เจ้าของเป็นมหาเศรษฐีอิตาเลียนผู้รักงานดีไซน์ เขาทำงานร่วมกับดีไซเนอร์หลักชื่อ แอนเดรีย พาริโซ เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นตั้งชื่อตามบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้ออกแบบ ได้แก่ เลนนอน นิวแมน หรือโบการ์ท เป็นต้น

อีกแบรนด์หลักคือ เพนตา (Penta) เป็นไฟและโป๊ะโคมหรู สวยหรูมีรสนิยม ดีไซน์ร่วมสมัย นับเป็นชุดไฟที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพนตาอยู่ในกลุ่มของไฟ มีสไตล์ แต่ก็ใช้งานง่าย ที่สำคัญมีความเป็นเอเชีย ซึ่งก็ทำให้ถูกใจคนเอเชีย หลายอย่างมาจากเอเชีย หมายถึงแนวคิดและความเป็นตะวันออก ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเอเชีย เช่น ชุดไฟชื่อ ไชน่าหรือซีชิ

สไตล์ที่แตกต่าง
คอนเซปต์ร้านคือการนำเสนอจุดเด่นในแต่ละแบรนด์ ในทางหนึ่งคือการผสมผสาน ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทย มีความลงตัวในการใช้งาน โมทีฟจึงคือสไตล์ที่แตกต่าง โดยโชว์รูมจัดสรรพื้นที่ทั้งหมด 400 ตารางเมตร แบบปราศจากกำแพง วางเฟอร์นิเจอร์แบบโอเพน แพลน (Open Plan) เพื่อให้สามารถเห็นสินค้าได้ทุกชิ้น ชัดเจน การคุมสีคุมโทนภายในร้านสำคัญที่สุด ได้เลือกสีเข้มผสมกับสีธรรมชาติ เช่น ดำ เทา ครีม น้ำตาล ซึ่งส่วนหนึ่งก็รับอิทธิพลมาจากเทรนด์ตกแต่งแนวอิตาลี

ความโดดเด่นของโมทีฟอยู่ที่สไตล์ของเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ สินค้าทุกชิ้นรับประกัน 10 ปีภายใต้ชื่อเสียงและคุณภาพแบรนด์อิตาลี อังกฤษและฝรั่งเศส ลูกค้า 60-70% เป็นลูกค้าคนไทย ส่วนที่เหลือเป็นต่างประเทศ บางรายเป็นนักการเมืองและชนชั้นสูง ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย ดูไบ และบังกลาเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ และแวะเวียนมาเสมอ โดยที่ร้านต้องปรับปรุงรายการสินค้าให้ใหม่สดเสมอ การซื้อของเข้าร้านอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งหรือมากกว่า

“ถามว่าเมริดานีบ้านเขามีไหม คำตอบคือมี แต่มีไม่เหมือนกับที่โมทีฟกรุงเทพมี อันนี้เป็นบทพิสูจน์ความต่างในความเหมือน” เอกรัตน์ กล่าว โมทีฟมีจุดขายของตัวเอง มีสไตล์ของตัวเอง สำหรับสนนราคาเฟอร์นิเจอร์ตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป สูงสุดมีตั้งแต่หลักล้านถึงหลักหลายล้านบาท แต่โดยเฉลี่ยก็อยู่ระหว่าง 68 แสนบาท

เมริดานี
ความเป็นเมริดานี คือความสวยสง่า หรูหรา มีดีไซน์ และสื่อถึงความทันสมัย ความเป็นคอมเทมโพรารี เอกรัตน์ใช้คำว่า Casual Elegant Living style สื่อถึงความรู้สึกสบายๆ แต่ยังคงความหรูหรา เมริดานีเน้นผ้าที่สวยงามหลากหลาย โดยมีผ้าให้เลือกในทุกเฉดสี และทุกเฉดสีก็ลงย่อยในอีกหลายรายละเอียด โดยมีสีและวัสดุให้เลือกกว่า 300 รายการ

“คนไทยชอบความหรูหรา และชอบความรู้สึกหรูหรา” เอกรัตน์ กล่าวและว่า หลักการที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของลูกค้า ลูกค้าของเราควรสัมผัสได้กับความหรูหรา ขณะเดียวกันก็รู้สึกสบายๆ กับมัน

ยิ่งไปกว่าการขายเฟอร์นิเจอร์ที่พิเศษสุดแล้ว โมทีฟยังขายความรู้สึกที่พิเศษด้วย เอกรัตน์ บอกว่า การซื้อสินค้าที่นี่ ไม่ได้ซื้อเฉพาะสินค้า แต่ซื้อความรู้สึกพิเศษและความรู้สึกเป็น “ที่สุด” ขณะซื้อสินค้า โดยการพรีเซนต์หรือนำเสนอเฟอร์นิเจอร์รูปแบบต่างๆ จะทำอย่างทุ่มเท ไร้ขีดจำกัด “ทุกคนที่มาหาเรา จะรับรู้ได้ว่า โซฟาที่เขาต้องการจะถูกผลิตขึ้นเพื่อเขาเท่านั้น และโซฟาพิเศษของเขาตัวนั้น กำลังจะเดินทางจากอิตาลี เพื่อมาตั้งอยู่ในบ้านของเขา”

เอกรัตน์ กล่าวว่า ลูกค้าคือศูนย์กลาง เริ่มต้นด้วยการคุยกับลูกค้า เพื่อให้รู้ความต้องการ ในเบื้องต้นจะให้ลองนั่งเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ในร้านดูก่อน โอนถ่ายความคิดคำนึงในใจลูกค้า แปรเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ในระดับหนึ่ง ก่อนจะสำรวจความพึงพอใจที่แท้จริง จากนั้นจึงค่อยๆ ใส่รายละเอียดให้ลูกค้าเลือกรูปแบบ สี และวัสดุ “ประสบการณ์ที่โมทีฟ คือประสบการณ์อันมีค่า ที่คนรักการแต่งบ้านทุกคนพึงได้รับ”