posttoday

ผ่าแผนสิงห์ฯ ร่วมทุนเนอวานาลุยอสังหาฯ

02 มีนาคม 2558

สิงห์ฯ สวอปหุ้นเนอวานา ลุยบ้านแนวราบ ดันรายได้ปีนี้แตะ 4,000 ล้านบาท

สิงห์ฯ สวอปหุ้นเนอวานา ลุยบ้านแนวราบ ดันรายได้ปีนี้แตะ 4,000 ล้านบาท พร้อมวาดแผนเตรียมเงินลงทุน 2 หมื่นล้านบาทไล่ซื้อกิจการไม่หยุด ด้านเนอวานา โชว์แผนปีนี้เล็งผุด 5 โครงการคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่า สิงห์ เอสเตท และบริษัท เนอวานา ได้ลงนามในสัญญา Share Purchase and Share Subscription Agreement เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2558  โดยสิงห์ เอสเตท  จะออกหุ้นใหม่จำนวน 186,509,792 หุ้น ให้แก่ เนอวานา เพื่อแลกกับหุ้นเดิมของเนอวานา จำนวน 3,649,993 หุ้น  ซึ่งจะส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท ได้ถือหุ้นในเนอวานา 51% ในขณะที่ผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมของเนอวานาจะถือหุ้นในสิงห์ เอสเตท 3.8%  โดยจะทำการขออนุมัติการแลกหุ้นดังกล่าวจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 ในวันที่ 22 เม.ย. 2558 และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย. ปีนี้

"การเข้าร่วมกิจการกับเนอวานา ถือเป็นก้าวแรกที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการแสวงหาพันธมิตร เพราะเป็นการรวมกันแบบ Strategic Partner  ถือเป็นมิติใหม่ในวงการอสังหาฯ เป็นการรวมทีมที่ทำให้เกิด Synergy ซึ่งจะส่งผลดีกับธุรกิจในระยะยาว ทำให้ทั้ง 2 บริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และรายได้ของเนอวานาในปีนี้ ก็จะเข้าพอร์ตของสิงห์ 51%" นายนริศ กล่าว

นอกจากนี้ เนอวานา ยังมีแผนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 700 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 715 ล้านบาท เป็น 1,415 ล้านบาท โดยในส่วนของการเพิ่มทุน 700 ล้านบาท สิงห์ฯ จะใส่เงินเข้าไปตามสัดส่วน 51% และผู้ถือหุ้นเนอวานาเดิมใส่เงินเพิ่มเข้าไป 49% ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยให้เนอวานาสามารถขยายการลงทุนได้มากขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการลงทุนและขยายธุรกิจในอนาคต สิงห์ เอสเตท จะขออนุมัติการเพิ่มทุนจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 ในวันที่ 22 เม.ย. 2558 โดยนอกเหนือจากการเพิ่มทุนเพื่อจัดสรรหุ้นให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของเนอวานาในข้างต้นแล้ว บริษัทฯ จะทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) ตามสัดส่วน 6 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 3 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,400 ล้านบาท

อีกทั้ง ผู้ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะจองซื้อหุ้นของบริษัทฯ (Warrants) ในอัตรา 2 หน่วยต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยผู้ที่เป็นเจ้าของใบแสดงสิทธิดังกล่าวสามารถใช้สิทธิในการซื้อหุ้นของบริษัทฯ ได้ในราคา 15 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดการใช้สิทธิครั้งแรกในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือนก.ค.นี้

"เนื่องจากแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ทางบริษัทฯ จึงต้องระดมทุนจากแหล่งต่าง ๆ ที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งผู้ถือหุ้นกลุ่มใหญ่ คือบุญรอดบริวเวอรี่ที่ให้การสนับสนุนสิงห์ เอสเตท มาในทุก ๆ ด้านตั้งแต่วันแรก และผู้ถือหุ้นท่านอื่น ๆ ที่จะมีส่วนช่วยให้บริษัทฯ เติบโตได้รวดเร็วและอย่างมั่นคง" นายนริศ กล่าว

ขณะที่แผนการลงทุนในปี 2558 ในส่วนของสิงห์ปีนี้ เตรียมเม็ดเงินไว้ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนลงทุน 5 ปี (2558-2562) ที่จะใช้เงินลงทุนรวมทั้งหมด 1 แสนล้านบาทในการขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เน้นการซื้อกิจการ และร่วมทุน โดยสัดส่วนรายได้ในช่วง 5 ปีแรกนี้จะมาจากกิจการที่เทคโอเวอร์ 70% และรายได้จากการพัฒนาโครงการเอง 30%

นายนริศ กล่าวว่า ในเบื้องต้นเม็ดเงินดังกล่าวจะนำไปซื้อที่ดิน 2,000 ล้านบาท เม็ดเงินเพิ่มทุน เม็ดเงินพัฒนาโครงการร่วมกับเนอวานา เม็ดเงินพัฒนาโครงการในส่วนของสิงห์ฯ เองที่ปีนี้คาดว่าจะเปิดตัว 2 โครงการ คือ 1.โครงการคอนโดมิเนี่ยม เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ที่อโศก (สิงห์ เฮ้าส์เดิม) คาดว่าเป็นอาคารสูง 39 ชั้น จำนวน. 300-400 ยูนิต มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท และ 2. โครงการบ้านหรู ราคาขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อยูนิต ถนนประดิษฐ์มนูธรรม พื้นที่ประมาณ 30 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งชื่อแบรนด์อยู่ระหว่างพัฒนา ส่วนเม็ดเงินที่เหลือ จะนำไปลงทุนซื้อกิจการต่อเนื่อง โดยปีนี้จะซื้อโรงแรมประมาณ 3 แห่ง คิดเป็นมูลค่ารวม 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากโรงแรมในไทยแล้ว ยังสนใจโรงแรมในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย และยังสนใจซื้อกิจการโครงการค้าปลีกอีกประมาณ 2-3 แห่ง

ด้านรายได้ในปี 2558 สิงห์ เอสเตทฯ ตั้งเป้าจะมีรายได้ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากโรงแรมที่มีอยู่แล้ว กับโรงแรมที่จะเข้าไปซื้อกิจการในปีนี้ รวมรายได้ส่วนนี้ประมาณ 2,000 และรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยของเนอวานาอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท (รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้น)

นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับเชิญเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ด้วยความที่มีปรัชญาทางธุรกิจที่คล้ายกัน คือ เน้นสร้างโครงการที่มีคุณภาพ เจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่าง โดยการร่วมทุนครั้งนี้ ไม่ถือว่าสิงห์ฯ มาเทคโอเวอร์เนอวานา เพราะยังมีส่วนที่เนอวานาถืออยู่ประมาณ 49% ไม่ได้ขายกิจการทั้งหมด เพราะผู้ถือหุ้นเนอวานาเดิมยังต้องการดำเนินกิจการต่อ ยังไม่ได้คิดจะขายกิจการ จึงเจรจากันที่จะร่วมทุน และใช้วิธีสวอปหุ้น พร้อมกับเพิ่มทุนเนอวานา ซึ่งจะต้องใส่เงินเพิ่มทั้งในส่วนของกลุ่มสิงห์ฯ และกลุ่มผู้ถือหุ้นเนาวานาเดิม

"เมื่อร่วมเป็นพันธมิตรกับสิงห์ เอสเตท แล้ว นอกจากจะทำให้เราทั้ง 2 บริษัทมีศักยภาพสูงขึ้น และมีอำนาจต่อรองมากขึ้นแล้ว ยังจะสามารถสร้างมิติใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ได้อีกไม่น้อย ซึ่งภายหลังการแลกหุ้น เนอวานาจะทำการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจให้เร็วยิ่งขึ้น โดยเนอวานาก็จะอาศัยสิงห์ คอนเนคชั่นในการต่อยอดให้กับธุรกิจได้ ส่วนแผนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เดิมเนอวานาเคยมีแผนไว้ ระยะสั้นยังไม่มีแผน เพราะการร่วมทุนกับกลุ่มสิงห์ฯ ก็ตอบโจทย์ครบทุกด้านแล้ว"

ด้านแผนการลงทุนของเนอวานานับจากนี้ จะก้าวกระโดดกว่าในอดีต ทั้งในเชิงการเปิดตัวโครงการใหม่ ยอดขาย และรายได้ โดยเฉลี่ยในแต่ละปี เนอวานาจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 3 โครงการต่อปี แต่ปีนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่มากถึง 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท รวมถึง โครงการที่อยู่ระหว่างขายในปัจจุบัน 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 6,000 ล้านบาท ขายไปแล้ว 3,000 ล้านบาท มูลค่าเหลือขาย 3,000 ล้านบาท รวมกับโครงการที่จะเปิดตัวใหม่จะมีสินค้าพร้อมขายปีนี้มากถึง 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วยอดขาย 2,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ 9 เดือนแรก 1,100 ล้านบาท

ทั้งนี้ 5 โครงการใหม่ที่เนอวานาเตรียมเปิดตัวในปีนี้ จะเป็นโครงการในกรุงเทพฯ 4 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ ส่วนประเภทที่อยู่อาศัยจะแบ่งเป็น 2 โครงการแนวราบ และ 3 โครงการคอนโดมิเนียม ประกอบด้วย 1. โครงการบ้านแนวราบ ย่านพระราม 2 บนพื้นที่ 40 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท 2. โครงการบ้านแนวราบ ย่านเกษตร-นวมินทร์ 3. โครงการคอนโดมิเนียม ใกล้โรงแรมเลิศหล้าเกษตร-นวมินทร์ เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น ราคาขายไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นบาท/ตร.ม. มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท 4. โครงการคอนโดมิเนียมหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งถนนเจริญนคร (ใกล้กับภัตตาคารยกยอ คลองสาน และใกล้กับโครงการดิ ไอคอนสยาม) บนพื้นที่ 5 ไร่ ความสูงประมาณ 49 ชั้น จำนวนห้องชุดไม่ถึง 200 ยูนิต เน้นห้องชุดขนาดใหญ่ ราคาขายเฉลี่ย 3 แสนบาท/ตร.ม. คิดเป็นมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท